ทริสเรทติ้งยกเลิก “เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “Developing” สำหรับอันดับเครดิตองค์กร "บล. เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์" พร้อมคงอันดับเครดิตองค์กร “BB+/Stable”

ข่าวทั่วไป Friday October 26, 2012 18:01 —ทริส เรตติ้ง

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศยกเลิก “เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “Developing” หรือ “ไม่ชัดเจน” สำหรับอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทหลักทรัพย์ เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด (มหาชน) ที่ได้กำหนดไว้เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2555 พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “BB+” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตสะท้อนถึงความสามารถในการก่อหนี้ที่เพิ่มขึ้นหลังจากที่บริษัทได้เพิ่มทุนและชำระหนี้ผูกพันทั้งหมดตามข้อตกลงในการปรับโครงสร้างหนี้และการเพิ่มทุน ในขณะเดียวกัน อันดับเครดิตก็ได้รับแรงกดดันจากข้อจำกัดในด้านความยืดหยุ่นทางการเงินของบริษัทและฐานะทางการเงินที่ยังอ่อนแอเมื่อเปรียบเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่น อันดับเครดิตยังมีข้อจำกัดจากความไม่แน่นอนของภาวะแวดล้อมทางธุรกิจและการตอบสนองจากตลาดต่อการกลับเข้าสู่ธุรกิจสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท รวมถึงการมีผลงานในการดำเนินธุรกิจใหม่ (ธุรกรรมซื้อคืนภาคเอกชนและธุรกรรมยืมและให้ยืมหลักทรัพย์) ของบริษัทในเวลาไม่นานนักด้วย ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดคือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รวมไปถึงระบบการดำเนินงานที่ดีซึ่งช่วยสนับสนุนธุรกิจสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ และฐานะทางการเงินในปี 2553 ของบริษัทที่ดีขึ้น ด้วยเช่นกัน ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าภาวะตลาดหลักทรัพย์จะมีการเคลื่อนไหวในแนวโน้มที่คงที่และไม่มีปัจจัยเสี่ยงที่นอกเหนือความคาดหมายเกิดขึ้นในระยะปานกลาง นอกจากนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตยังพิจารณารวมถึงความคาดหมายที่บริษัทจะได้รับการสนับสนุนจาก ตลท. ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด โดยความสามารถในการฟื้นคืนฐานะทางการตลาดในธุรกิจสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์และการเข้าถึงเงินทุนจากหลายแหล่งเช่นที่บริษัทเคยกระทำได้ในอดีตยังเป็นสิ่งที่ต้องรอการพิสูจน์ต่อไป

ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทหลักทรัพย์ เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์บรรลุข้อตกลงการปรับโครงสร้างหนี้ในวันที่ 20 มีนาคม 2552 และในวันที่ 22 กรกฎาคม 2552 บริษัทสามารถบรรลุข้อตกลงตามเงื่อนการปรับโครงสร้างหนี้ด้วยการเพิ่มทุนอย่างน้อย 1,000 ล้านบาทจากผู้ถือหุ้นที่มีอยู่ รวมถึงจากผู้ถือหุ้นรายใหม่ และจากการแปลงหนี้เป็นทุน เงินเพิ่มทุนใหม่จำนวน 1,016.74 ล้านบาท (ราคาพาร์ 10 บาทต่อหุ้น) ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่สัดส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของบริษัท ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 30% จากระดับ 0.92% ณ เดือนมีนาคม 2552 หลังจากการเพิ่มทุนแล้ว ตลท. ได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัท โดยถือหุ้นในสัดส่วน 24.66% ตามด้วยกระทรวงการคลัง (10.56%) ธนาคารกรุงไทย (6.02%) และธนาคารออมสิน (4.92%) นอกจากนี้ ยังมีผู้ถือหุ้นอื่น ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ (18.12%) บริษัทหลักทรัพย์ (15.80%) บริษัทจัดการกองทุน (14.77%) บริษัทประกัน (4.30%) และอื่นๆ (0.85%)

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ณ เดือนมิถุนายน 2555 บริษัทหลักทรัพย์ เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์มีสินทรัพย์รวมจำนวน 2,972 ล้านบาท ซึ่งลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 3,182 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2553 และ 3,092 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2554 ในขณะที่มียอดสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ 2,589 ล้านบาท ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทอ่อนแอลงกว่าที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้ โดยบริษัทบันทึกผลขาดทุน 901 ล้านบาทและ 858 ล้านบาทในปี 2551 และปี 2552 ตามลำดับ หลังจากการหักขาดทุนที่ยังไม่รับรู้จากการลงทุนในหลักทรัพย์เพื่อขายแล้ว บริษัทรายงานผลขาดทุนจำนวน 0.3 ล้านบาทในปี 2553 ในขณะที่ในปี 2554 บริษัทมีกำไรสุทธิเพียงประมาณ 1 ล้านบาท และกลับมาขาดทุนอีก 15 ล้านบาทในช่วงครึ่งแรกของปี 2555

บริษัทหลักทรัพย์ เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ยังคงเผชิญกับความท้าทายในธุรกิจหลักเนื่องจากความไม่แน่นอนของปัจจัยแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจและการตอบสนองจากตลาดหลังจากที่บริษัทกลับเข้าสู่ธุรกิจการให้สินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ ในระหว่างปี 2553 ถึงเดือนมิถุนายน 2555 บริษัทหลักทรัพย์ได้ขยายพอร์ตสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์อย่างรวดเร็ว ทำให้ขนาดของสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ของทั้งอุตสาหกรรมโดยรวมขยายตัวเป็น 29 พันล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2555 จาก 16 พันล้านบาทในปี 2552 บริษัทได้สูญเสียต้นทุนทางการเงินในระดับที่แข่งขันได้ไป ทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจหลักลดลง ณ เดือนมิถุนายน 2555 ยอดสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ลดลงมาอยู่ที่จำนวน 2,094 ล้านบาท ส่วนแบ่งทางการตลาดของธุรกิจสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทลดลงจาก 22%-29% ในช่วงปี 2549-2551 ภายหลังจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินในปี 2551 ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทก็ลดลงเป็น 14% ในปี 2552 และยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องมาอยู่ในระดับ 7% ณ เดือนมิถุนายน 2555

ตามแผนธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์มีลู่ทางที่ดีในธุรกิจใหม่ คือ ธุรกรรมซื้อคืนภาคเอกชนและธุรกรรมยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ แต่ความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพยังเป็นสิ่งที่ต้องรอการพิสูจน์ต่อไป อย่างไรก็ตาม คณะผู้บริหารยังต้องการเวลาในการสร้างผลงานและบรรลุผลสำเร็จในการขยายตลาดตามแผนธุรกิจ หลังจากความสำเร็จในการเพิ่มทุนในเดือนกรกฎาคม 2552 แล้ว บริษัทก็มีฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทต่อสินทรัพย์รวมก็เพิ่มขึ้นจาก 0.71% ในปี 2551 เป็น 29.3% ในปี 2552 และ ณ เดือนมิถุนายน 2555 สัดส่วนเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ 38.22% เนื่องจากสินทรัพย์ลดขนาดลง ทริสเรทติ้งกล่าว — จบ

บริษัทหลักทรัพย์ เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ จำกัด (มหาชน) (TSFC)
อันดับเครดิตองค์กร:	                            คงเดิมที่ BB+
แนวโน้มอันดับเครดิต:	                            Stable (คงที่)
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2555  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ