ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กร &หุ้นกู้ “บ. บัตรกรุงไทย” ที่ระดับ "BBB+" ด้วยแนวโน้ม “Stable”และจัดอันดับหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 12,000 ล้านบาทที่ระดับ "BBB+"

ข่าวทั่วไป Thursday April 18, 2013 16:32 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) คงเดิมที่ระดับ “BBB+” ในขณะเดียวกันยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 12,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “BBB+” เช่นกัน โดยแนวโน้มยังคง “Stable” หรือ “คงที่” อันดับเครดิตสะท้อนสถานภาพที่เข้มแข็งในธุรกิจบัตรเครดิต และคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น ตลอดจนการได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ถือหุ้น 49.45% ในบริษัท อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตมีข้อจำกัดในด้านต้นทุนทางการเงินที่ค่อนข้างสูงของบริษัท และภาวะการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น รวมถึงความเสี่ยงด้านกฎระเบียบซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการขยายตัวของสินเชื่อและความสามารถในการทำกำไรในอนาคตของทั้งอุตสาหกรรม ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหมายว่าบริษัทจะสามารถรักษาประสิทธิภาพในการจัดเก็บและติดตามหนี้ ตลอดจนคงไว้ซึ่งมาตรฐานการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดไปพร้อม ๆ กับการขยายธุรกิจ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าธนาคารกรุงไทยจะยังคงให้การสนับสนุนบริษัทอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านการเงินและการดำเนินธุรกิจต่อไป

บริษัทบัตรกรุงไทยเริ่มจัดตั้งขึ้นในปี 2539 ในฐานะบริษัทลูกที่ถือหุ้น 100% โดยธนาคารกรุงไทย ในช่วงแรกบริษัททำหน้าที่บริหารจัดการสินเชื่อบัตรเครดิตของธนาคารกรุงไทย ต่อมาในปี 2545 ธนาคารกรุงไทยได้โอนสินเชื่อบัตรเครดิตของธนาคารมาให้บริษัท และนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการแข่งขัน ในฐานะที่เป็นบริษัทในกลุ่มธนาคารกรุงไทย บริษัทมีโอกาสได้ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายสาขาของธนาคารกรุงไทยที่มีอยู่ทั่วประเทศในการขยายฐานลูกค้า โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จำนวนลูกค้าบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลของบริษัทที่เพิ่มขึ้นกว่า 25% นั้นมาจากช่องทางดังกล่าว นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับการสนับสนุนทางด้านเงินทุนจากธนาคารอีกด้วย กล่าวคือ บริษัทได้รับวงเงินสินเชื่อ 18,030 ล้านบาทจากธนาคาร โดยวงเงินดังกล่าวยังไม่ถูกเบิกใช้ ณ สิ้นปี 2555

จากการที่บริษัทสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลายประกอบกับการสนับสนุนทางการเงินจากธนาคารกรุงไทย ทำให้ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องระยะสั้นมิใช่ประเด็นที่น่าเป็นห่วงมากนัก กล่าวคือ บริษัทมีเงินทุนที่ใช้สนับสนุนสภาพคล่องจากเงินกู้ที่ได้จากสถาบันการเงินหลายแห่งและจากหุ้นกู้ที่มีวันครบกำหนดชำระหนี้ในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ไม่มียอดเงินกู้จากสถาบันการเงินใดที่มีสัดส่วนสูงมากเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับยอดเงินกู้โดยรวม อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทใช้การกู้ยืมและการออกตราสารหนี้เป็นแหล่งเงินทุนหลัก ในขณะที่คู่แข่งในกลุ่มธนาคารพาณิชย์มีต้นทุนทางการเงินที่ถูกกว่าจากการมีฐานเงินฝากเป็นแหล่งเงินทุน ทำให้บริษัทมีความเสียเปรียบด้านต้นทุนทางการเงินซึ่งมีส่วนในการลดทอนความแข็งแกร่งทางธุรกิจไม่มากก็น้อยและทำให้ยากต่อการแข่งขันเพื่อขยายส่วนแบ่งทางการตลาด

ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทในด้านบัตรเครดิตลดลงเล็กน้อยตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทในด้านยอดใช้จ่ายผ่านบัตรได้ลดลงจาก 12.7% ในปี 2551 เหลือ 10.3% ในปี 2555 แม้ว่าในช่วงเวลาดังกล่าวยอดใช้จ่ายผ่านบัตรของบริษัทจะเพิ่มขึ้นในอัตราเฉลี่ย 8% ต่อปีก็ตาม ส่วนยอดลูกหนี้บัตรเครดิตคงค้างก็ลดลงจาก 35,970 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2551 เหลือ 34,007 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2555 อันเป็นผลจากสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นของผู้ใช้บัตรเครดิตที่ชำระเต็มจำนวน รายได้รวมของบริษัท (ไม่รวมหนี้สูญได้รับคืน) ไม่ได้เพิ่มขึ้นเลยในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้เริ่มทำการตลาดอย่างเต็มที่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2555 โดยมีแผนเชิงรุกอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2556 นี้ ซึ่งนับเป็นความท้าทายต่อผู้บริหารในการที่จะขยายส่วนแบ่งทางการตลาดและทำให้รายได้ของบริษัทกลับมาเติบโตอีกครั้ง

ในช่วงต้นปี 2555 บริษัทได้ตัดสินใจโอนงานจัดเก็บและติดตามหนี้กลับเข้ามาบริหารเองทั้งหมด นอกจากนี้ บริษัทยังเน้นให้ความสำคัญกับการจัดเก็บและติดตามหนี้ตั้งแต่ก่อนที่หนี้ปกติจะกลายเป็นหนี้เสียอีกด้วย ประสิทธิภาพในการจัดเก็บและติดตามหนี้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องดังเห็นได้จากสินเชื่อค้างชำระที่ลดลง อัตราสินเชื่อค้างชำระของบัตรเครดิตลดลงจาก 5.3% ในไตรมาสแรกของปี 2555 เหลือ 2.7% ณ สิ้นปี สินเชื่อส่วนบุคคลก็มีอัตราสินเชื่อค้างชำระที่ลดลงเช่นกันโดยลดจาก 4.7% ในไตรมาสแรกของปี 2555 เหลือ 2.5% ณ สิ้นปี อัตราหนี้สูญตัดบัญชีสุทธิก็ลดลงเหลือ 4.9% ในปี 2555 เทียบกับ 10.0% ในปี 2554 ทั้งนี้ ความสามารถของบริษัทในการควบคุมคุณภาพของสินทรัพย์นับว่ามีผลอย่างมากต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในอนาคต

การขาดทุนที่สูงถึง 1,621 ล้านบาทในปี 2554 ทำให้สถานภาพทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมากในด้านฐานเงินทุนซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการก่อหนี้ของบริษัท ส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง 26% เทียบกับปีก่อน เหลือ 4,862 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2554 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพิ่มขึ้นเป็น 8.8 เท่า ณ สิ้นปี 2554 เทียบกับเกณฑ์ที่บริษัทต้องดำรงไว้ที่ระดับไม่เกิน 10 เท่า ผลกำไร 255 ล้านบาทในปี 2555 ได้ช่วยเพิ่มฐานเงินทุน ณ สิ้นปีเป็น 5,191 ล้านบาท และช่วยลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลงเหลือ 8.5 เท่า ทั้งนี้ ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในปี 2556 น่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งภายใต้นโยบายการจ่ายเงินปันผลที่ระมัดระวัง น่าจะทำให้ระดับฐานเงินทุนของบริษัทกลับขึ้นมาอยู่ในระดับก่อนปี 2554 ได้ภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ?

บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTC)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
KTC135A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 BBB+
KTC135B: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 BBB+
KTC135C: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 BBB+
KTC13NA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 7,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2556 BBB+
KTC148A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,800 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 BBB+
KTC14OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 6,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2557 BBB+
KTC158A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 3,200 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 BBB+
KTC15OA: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 BBB+
KTC168A: หุ้นกู้ไม่มีประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 BBB+
หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 12,000 ล้านบาท ไถ่ถอนภายในปี 2562 BBB+
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2556  ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่เพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับอนุญาต การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/ratinginformation/rating_criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ