จากการสำรวจราคาสินค้าวัสดุก่อสร้างในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล จำนวน 131 รายการ ครอบคลุมหมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์คอนกรีต เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก กระเบื้อง วัสดุฉาบผิว สุขภัณฑ์ อุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา และวัสดุก่อสร้างอื่นๆ เพื่อนำมาคำนวณดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างได้ผลดังนี้
1. ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนธันวาคม 2558 เท่ากับ 116.3 และเดือนพฤศจิกายน 2558 เท่ากับ 117.1
(ปี 2548 ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเท่ากับ 100)
2. การเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนธันวาคม 2558 เมื่อเทียบกับ
2.1 เดือนพฤศจิกายน 2558 ลดลงร้อยละ 0.7
2.2 เดือนธันวาคม 2557 ลดลงร้อยละ 6.7
2.3 เฉลี่ย 12 เดือน (มกราคม - ธันวาคม 2558) เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลงร้อยละ 5.1
3. ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนธันวาคม 2558 เทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2558 ลดลงร้อยละ 0.7 (เดือนพฤศจิกายน 2558 ลดลงร้อยละ 0.8)
หมวดดัชนีราคาที่สูงขึ้นและลดลง อัตราการเปลี่ยนแปลง
ธ.ค.58 เทียบกับ พ.ย.58
หมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ไม่เปลี่ยนแปลง
หมวดซีเมนต์ -1.8
หมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต ไม่เปลี่ยนแปลง
หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก -1.8
หมวดกระเบื้อง ไม่เปลี่ยนแปลง
หมวดวัสดุฉาบผิว ไม่เปลี่ยนแปลง
หมวดสุขภัณฑ์ ไม่เปลี่ยนแปลง
หมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา ไม่เปลี่ยนแปลง
หมวดวัสดุก่อสร้างอื่นๆ -0.3
หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาลดลง ได้แก่ หมวดซีเมนต์ ลดลงร้อยละ 1.8 (ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ปูนซีเมนต์ผสม) เนื่องจากการแข่งขันสูง หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ลดลงร้อยละ 1.8 (เหล็กเส้น เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เหล็กแผ่นเรียบดำ ตะแกรงเหล็กสำเร็จรูป) ราคาลดลงตามราคาเหล็กในตลาดโลก หมวดวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ ลดลงร้อยละ 0.3 (ยางมะตอย) ลดลงตามราคาปิโตรเลียม หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาไม่เปลี่ยนแปลง ได้แก่ หมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ หมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต หมวดกระเบื้อง หมวดวัสดุฉาบผิว และหมวดสุขภัณฑ์ เนื่องจากใกล้เทศกาลปีใหม่ภาคการก่อสร้างหยุดดำเนินการ นักลงทุนชะลอการลงทุน ทำให้ความต้องการใช้วัสดุในการก่อสร้างลดลง
หมวดดัชนีราคาที่สูงขึ้นและลดลง อัตราการเปลี่ยนแปลง
ธ.ค.58 เทียบกับ ธ.ค.57
หมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ +0.7
หมวดซีเมนต์ -6.3
หมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต -2.5
หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก -19.6
หมวดกระเบื้อง ไม่เปลี่ยนแปลง
หมวดวัสดุฉาบผิว ไม่เปลี่ยนแปลง
หมวดสุขภัณฑ์ ไม่เปลี่ยนแปลง
หมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา -3.5
หมวดวัสดุก่อสร้างอื่นๆ -3.2
หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาลดลง ได้แก่ หมวดซีเมนต์ ลดลงร้อยละ 6.3 (ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ปูนซีเมนต์ผสม) หมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต ลดลงร้อยละ 2.5 (เสาเข็มคอนกรีต พื้นคอนกรีตสำเร็จรูป คานคอนกรีต คอนกรีตบล๊อก) หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ลดลงร้อยละ 19.6 (เหล็กเส้น เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เหล็กแผ่น ลวดเหล็ก) หมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา ลดลงร้อยละ 3.5 (สายไฟฟ้า ท่อพีวีซี) และหมวดวัสดุก่อสร้างอื่นๆ ลดลงร้อยละ 3.2 (ยางมะตอย หิน ดิน ทราย) หมวดสินค้าที่ดัชนีราคาไม่เปลี่ยนแปลง ได้แก่ หมวดกระเบื้อง หมวดวัสดุฉาบผิว และหมวดสุขภัณฑ์ ทั้งนี้เป็นผลจากราคาวัตถุดิบเช่น เหล็ก ทองแดง เม็ดพลาสติก รวมทั้งปิโตรเลียมลดลงตามราคาตลาดโลก ประกอบกับการก่อสร้างชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศ หมวดดัชนีราคาที่สูงขึ้น ได้แก่ หมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ สูงขึ้นร้อยละ 0.7 เนื่องจากต้นทุนด้านการบริหารจัดการสูงขึ้น
หมวดดัชนีราคาที่สูงขึ้นและลดลง อัตราการเปลี่ยนแปลง
ม.ค.-ธ.ค.58 เทียบกับ ม.ค.-ธ.ค.57
หมวดไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ +1.1
หมวดซีเมนต์ -3.9
หมวดผลิตภัณฑ์คอนกรีต -1.1
หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก -15.2
หมวดกระเบื้อง +0.1
หมวดวัสดุฉาบผิว ไม่เปลี่ยนแปลง
หมวดสุขภัณฑ์ -0.1
หมวดอุปกรณ์ไฟฟ้าและประปา -5.0
หมวดวัสดุก่อสร้างอื่นๆ -1.3
ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเฉลี่ยทั้งปี 2558 ลดลงร้อยละ 5.1 เมื่อเทียบกับปี 2557 (ปี 2557 สูงขึ้นร้อยละ 0.7)การก่อสร้างโดยภาพรวมชะลอตัวสาเหตุจากปัจจัยหลายๆด้าน ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์วิตกกังวลจากการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ปัญหาหนี้สินครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ สต๊อกบ้านและคอนโดมิเนียมล้นตลาด สำหรับการก่อสร้างภาครัฐส่วนใหญ่อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดการจัดจ้างและการทำสัญญา ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้าง
ปี 2558 ราคาน้ำมันและราคาเหล็กในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่องทั้งปี ประกอบกับสถานการณ์เหล็กในประเทศจีนมีปริมาณส่วนเกินสูงทำให้ต้องเร่งส่งออก จึงมีเหล็กราคาต่ำจากประเทศจีนเข้ามาในประเทศเป็นจำนวนมาก ทำให้มีการแข่งขันสูง
คาดว่าจะมีการปรับตัวดีขึ้น จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ได้แก่ การส่งเสริมให้ปี 2559 เป็นปีแห่งการลงทุน การผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การจัดทำแผนยุทธศาสตร์ที่อยู่ศัย 10 ปี (2559-2568) เพื่อช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อย การลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งทำให้ภาคเอกชนเริ่มมีความเชื่อมั่นมากขึ้น
ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ โทร. 0 2507 5808 โทรสาร. 0 2507 5825