- สภาพคล่องส่วนเกินของธนาคารพาณิชย์ ในเดือน พ.ค. 58 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าเล็กน้อยมาอยู่ที่ 2.62 ล้านล้านบาท จากการถือหลักทรัพย์ซึ่งปราศจากภาระผูกพันและการสำรองเงินสดที่ธนาคารลดลง สอดคล้องกับสินทรัพย์สภาพคล่องสูงที่ลดลงจากเดือนก่อนหน้าเล็กน้อยมาอยู่ที่ 4.85 แสนล้านบาท ทั้งนี้ สินทรัพย์สภาพคล่องส่วนเกินคิดเป็น 3.5 เท่าของสินทรัพย์สภาพคล่องที่ธนาคารพาณิชย์ต้องดำรงตามกฎหมาย (ร้อยละ 6 ของเงินรับฝาก)
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวม ในเดือน มิ.ย. 58 อยู่ที่ระดับ 63.8 ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 65.0 เป็นการลดลงต่ำสุดในรอบ 13 เดือน และลดลงต่อเนื่อง 6 เดือนติดต่อกัน จากความกังวลใจเกี่ยวกับสถานการณ์ การส่งออกที่ยังไม่ส่งสัญญาณดีขึ้น กอปรกับปัญหา ภัยแล้งที่ส่งผลกระทบซ้ำเติมราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำจากอุปสงค์ในตลาดโลก ทำให้กำลังซื้อของประชาชนยังอยู่ในระดับต่ำ
- ปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในเดือน มิ.ย. 58 มีจำนวน 190,496 คัน คิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 12.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หรือคิดเป็นการขยายตัวร้อยละ 15.7 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังจากขจัดผลทางฤดูกาลแล้ว นับเป็นการกลับมาขยายตัวได้หลังจากที่หดตัวในเดือนก่อนหน้า ที่ร้อยละ -5.4 โดยเป็นการขยายตัวของยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และเขตภูมิภาค โดยเขตกรุงเทพฯ มียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6 และเขตชนบทขยายตัวร้อยละ 14.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลจากรายได้ภาคเกษตรกรที่หดตัวชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า และผลของการปรับขึ้นอัตราเงินเดือนข้าราชการ ที่ทำให้ผู้บริโภคมีความรู้สึกว่ามีกำลังซื้อมากขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า กอปรกับสองเดือนก่อนหน้ามีการชะลอการบริโภครถจักรยานยนต์ไปแล้ว สะท้อนจากยอดจำหน่ายที่หดตัว ทั้งนี้ ยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์รวมทั้งประเทศในไตรมาส 2/58 หดตัวร้อยละ -2.9
- การจ้างงานเดือน มิ.ย. 58 อยู่ที่ 38.23 ล้านคน หดตัวลงเล็กน้อยที่ร้อยละ -0.4 เมื่อเทียบกับ ช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการจ้างงานในภาคเกษตรกรรมเป็นสำคัญ ขณะที่การจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมขยายตัวได้ดีที่ร้อยละ 2.6 โดยสาขาที่มีการจ้างงานเพื่มขึ้นมาจากสาขาการขายส่งการขายปลีก สาขาการผลิต สาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร และการก่อสร้างเป็นสำคัญ ส่งผลให้การจ้างงานใน ไตรมาส 2/58 ยังคงหดตัวเล็กน้อยที่ร้อยละ -0.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ อัตราการว่างงานในเดือน มิ.ย. 58 อยู่ที่ร้อยละ 0.8 ของกำลังแรงงานรวม หรือคิดเป็นจำนวนผู้ว่างงาน 3.22 แสนคน
- ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างในเดือน มิ.ย. 58 หดตัว อยู่ที่ร้อยละ -4.6 ต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าที่หดตัวร้อยละ -4.3 ตามการลดลงของราคาวัสดุก่อสร้าง ในหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กในเดือน มิ.ย. 58 ที่หดตัวร้อยละ -12.4 เนื่องจากต้นทุนด้านพลังงานและวัตถุดิบลดลงและราคาเหล็กในตลาดโลกยังคงลดลง
- ยอดขายปูนซีเมนต์ในเดือน มิ.ย. 58 คาดว่าจะขยายตัวเล็กน้อยอยู่ที่ร้อยละ 0.2 ต่อปี จากเดือนก่อนที่หดตัวที่ร้อยละ -0.5 เนื่องจากการเร่งการลงทุนของภาครัฐ โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน
Global Economic Indicators: This Week
ดุลการค้า เดือน พ.ค. 58 ขาดดุลลดลงที่ 5.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมูลค่าการส่งออก เดือน พ.ค. 58 หดตัวร้อยละ -7.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 จากสินค้าอุตสาหกรรมและอาหารที่หดตัวต่อเนื่อง 5 เดือน ขณะที่มูลค่าการนำเข้า หดตัวเร่งขึ้นจากเดือนก่อนที่ร้อยละ -7.2 จากสินค้าอุตสาหกรรมที่ยังคงหดตัว ด้านดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ เดือน มิ.ย. 58 อยู่ที่ระดับ 56.0 จุด ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ 55.7 จุด ผลจากดัชนีด้านกิจกรรมทางธุรกิจและสินค้าคงค้างที่เพิ่มขึ้น
อัตราเงินเฟ้อเดือน มิ.ย. 58 อยู่ที่ร้อยละ 1.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เร่งขึ้นจากร้อยละ 1.2 ในเดือนก่อน จากราคาสินค้าหมวดอาหารที่เริ่มกลับมาขยายตัวเร่งขึ้น
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อรวม เดือน มิ.ย. 58 อยู่ที่ 54.2 จุด สูงที่สุดในรอบ 4 ปี โดยดัชนีฯ เพิ่มสูงขึ้นทั้งดัชนีฯ ภาคอุตสาหกรรมที่อยู่ที่ระดับ 52.5 จุด และดัชนีฯ ภาคบริการที่อยู่ที่ระดับ 54.4 จุด ทั้งนี้ มีสัญญาณฟื้นตัวในทุกประเทศยกเว้นกรีซ ยอดค้าปลีก เดือน พ.ค. 58 ขยายตัวร้อยละ 2.6 จากช่วงเดียวกันปีก่อน หรือขยายตัวร้อยละ 0.24 จากเดือนก่อน (ขจัดผลทางฤดูกาลแล้ว) จากการขยายตัวในสินค้าหมวดอาหาร ขณะสินค้าในหมวดเชื้อเพลิงขยายตัวชะลอลง ในวันที่ 5 ก.ค. 58 ชาวกรีกลงคะแนนร้อยละ 61 ไม่รับเงื่อนไขการรัดเข็มขัดของกลุ่มเจ้าหนี้ ทำให้ความตึงเครียดในการเจรจาเงื่อนไขของการช่วยเหลือทางการเงินเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ กรีซได้ยื่นขอรับความช่วยเหลือทางการเงินครั้งใหม่เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 58 ซึ่งกลุ่มเจ้าหนี้จะพิจารณาในวันที่ 12 ก.ค. 58
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน มิ.ย. 58 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 สู่ระดับ 42.4 จุด สะท้อนมุมมองผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่เป็นบวกมากขึ้น
ยอดค้าปลีก เดือน มิ.ย. 58 ขยายตัวชะลอลงที่ร้อยละ 18.5 จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากยอดขายเชื้อเพลิง และอะไหล่และส่วนประกอบที่ยังคงหดตัว
มูลค่าการส่งออก เดือน พ.ค. 58 หดตัวร้อยละ -6.7 จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากการส่งออกไปยังสหรัฐและกลุ่มเอเชียที่หดตัว ขณะที่มูลการนำเข้า หดตัวร้อยละ -7.2 จากสินค้าเกือบทุกหมวดที่หดตัว ส่งผลให้ดุลการค้าเดือนดังกล่าว เกินดุลมูลค่า 5.5 พันล้านริงกิต
การจ้างงาน เดือน มิ.ย. 58 อยู่ที่ 11.769 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7,300 คน จากเดือนก่อนหน้า (ขจัดผลทางฤดูกาลแล้ว) โดยการจ้างงานเต็มเวลาอยู่ที่ 8.156 ล้านคน เพิ่มขึ้น 24,600 คนจากเดือนก่อนหน้า ขณะที่การจ้างงาน part-time อยู่ที่ 3.612 ล้านคน ลดลงจากเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม อัตราว่างงาน เดือน มิ.ย. 58 อยู่ที่ร้อยละ 6.0 ของกำลังแรงงานรวม สูงขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า จากแรงงานที่เพิ่มขึ้นเร็วกว่าการจ้างงาน โดยอัตราการมีส่วนร่วมในกำลังแรงงาน เดือน มิ.ย. 58 อยู่ที่ร้อยละ 64.8 ของประชากรวัยแรงงาน ลดลงเล็กน้อยจากเดือนก่อน
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ เดือน มิ.ย. 58 อยู่ที่ระดับ 47.7 จุด ต่ำสุดในรอบ 1 ปี 3 เดือน ผลจากดัชนีย่อยหมวดงานใหม่ปรับลดลงมาอยู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี 6 เดือน
มูลค่าส่งออก เดือน พ.ค. 58 หดตัวร้อยละ -17.4 จากช่วงเดียวกันปีก่อน หดตัวมากที่สุดในรอบ 3 ปี 5 เดือน จากการส่งออกจีนที่หดตัวขึ้นมาก อัตราเงินเฟ้อ เดือน มิ.ย. 58 อยู่ที่ร้อยละ 1.2 จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากราคาอาหารและเครื่องดื่มที่ปรับลดลง ยอดขายสุทธิ เดือน พ.ค. 58 หดตัวร้อยละ -11.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากยอดขายอาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และสื่อสิ่งพิมพ์ที่หดตัวมากขึ้น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน พ.ค. 58 หดตัวร้อยละ -7.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หดตัวเพิ่มขึ้นจากอาหาร ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และเครื่องจักรไฟฟ้า
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือนพ.ค. 58 ขยายตัวร้อยละ 2.1 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน หรือขยายตัวร้อยละ 0.4 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า จากการขยายตัวของสินค้าบริโภคไม่คงทน และสินค้าพลังงาน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน พ.ค. 58 ขยายตัวร้อยละ 1.0 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน แต่หดตัวร้อยละ -0.6 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า จากการหดตัวในหมวดเคมีภัณฑ์ โลหะ แร่ธาตุ อุปกรณ์อื่นๆ ผลิตภัณฑ์จากไม้และกระดาษ และอุปกรณ์ทางวิศวกรรม เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 58 ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 0.5 ต่อปี
เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 58 ธนาคารกลางเกาหลีใต้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ ร้อยละ 1.5 ต่อปี หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีมาตรการการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเมอร์สออกมาแล้ว
อัตราเงินเฟ้อเดือน มิ.ย. 58 อยู่ที่ร้อยละ -0.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ด้านมูลค่าการส่งออกเดือน มิ.ย. 58 หดตัวร้อยละ -13.9 จากช่วงเดียวกันปีก่อน นับเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ขณะที่มูลค่าการนำเข้าหดตัวร้อยละ -16.1 หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ทำให้ดุลการค้าเดือน มิ.ย. 58 เกินดุล 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ดัชนี SET ผันผวนสูงตลอดทั้งสัปดาห์ โดยปิดตลาด ณ วันที่ 9 ก.ค. 58 มาอยู่ที่ระดับ 1,472.57 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายต่อวันเบาบาง เฉลี่ยทั้งสัปดาห์ที่ 35,322 ล้านบาท โดยมีแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ จากความกังวลของนักลงทุนในประเด็นการเจรจาหนี้ของกรีซที่ยังคงยืดเยื้อ อีกทั้งตลาดหลักทรัพย์จีนมีสัญญาณฟองสบู่แตก ทำให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย ส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกปรับตัวลดลง ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 6 - 9 ก.ค. 58 นักลงทุนต่างชาติขายหลักทรัพย์สุทธิ 6,908 ล้านบาท
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับลดลง 1-15 bps จากแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติจากการประมูลพันธบัตร ธปท. อายุ 3 และ 6 เดือน และพันธบัตรรัฐบาลรุ่น Benchmark bond อายุ 5 และ 30 ปี ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนถึง 1.69 2.96 2.99 และ 2.93 เท่าของวงเงินประมูล ตามลำดับ ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 6 - 9 ก.ค. 58 นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรสุทธิ 730.1 ล้านบาท (ไม่รวมพันธบัตร ธปท.)
- เงินบาทอ่อนค่าลง โดย ณ วันที่ 9 ก.ค. 58 ค่าเงินบาทปิดที่ระดับ 33.97 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นการอ่อนค่าลงร้อยละ 0.58 จากสัปดาห์ก่อน และระหว่างสัปดาห์เงินบาทแตะระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นระดับที่อ่อนค่าที่สุดในรอบ 6 ปี ทั้งนี้ เงินบาทที่อ่อนค่าลงในระดับที่มากกว่าเงินสกุลอื่นๆ โดยเฉพาะเยนที่กลับแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ดัชนีค่าเงินบาท (NEER) ในสัปดาห์นี้อ่อนค่าลงเล็กน้อยร้อยละ 0.53 จากสัปดาห์ก่อน
ที่มา: Macroeconomic Analysis Group: Fiscal Policy Office
Tel 02-273-9020 Ext 3253 : www.fpo.go.th