ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง ความพอใจของสาธารณชนต่อรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดช่วงวิกฤตการณ์น้ำท่วม กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปใน 17 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จันทบุรี อยุธยา ชลบุรี พิจิตร เพชรบูรณ์ เชียงใหม่ เลย มหาสารคาม ชัยภูมิ สุรินทร์ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ขอนแก่น นครราชสีมา ชุมพร และสงขลา จำนวนทั้งสิ้น 2,154 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 1 — 8 ธันวาคม 2554 ที่ผ่านมา
เมื่อสอบถามถึงการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ “ยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด” พบว่า ส่วนใหญ่หรือ ร้อยละ 56.2 รับรู้รับทราบข่าวยุทธศาสตร์ พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ในขณะที่ร้อยละ 43.8 ไม่ทราบ โดยส่วนใหญ่หรือ ร้อยละ 90.9 คนที่รับทราบรับรู้ผ่านทางโทรทัศน์ รองลงมาคือร้อยละ 22.0 รับรู้จาก หนังสือพิมพ์ ร้อยละ 20.0 รับรู้จากวิทยุ แต่ที่น่าสังเกตคือที่เหลือไม่ถึงร้อยละ 10 รับรู้จากแหล่งอื่นๆ เช่น จากผู้นำชุมชน วิทยุชุมชน การประชาสัมพันธ์ของเจ้าหน้าที่รัฐ การประชาสัมพันธ์ในหมู่บ้าน และเพียงร้อยละ 3.7 เท่านั้นที่รับรู้ผ่านการจัดประชาคมหมู่บ้าน ตามลำดับ
โดยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.8 รับรู้เรื่องความรู้เกี่ยวกับยาเสพติด รองลงไปคือร้อยละ 59.6 รับรู้เรื่องการปราบปรามจับกุมผู้ค้ายาเสพติด ร้อยละ 56.3 รับรู้การสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด ร้อยละ 51.6 รับรู้เรื่องกิจกรรมสร้างสรรค์ของเยาวชนและประชาชน รองๆลงไปคือ การรณรงค์ปรับเจตคติเพื่อยอมรับผู้เสพ/ ผู้ติดยาเสพติด การกำจัดแหล่งมั่วสุม และการช่วยเหลือผู้ผ่านการบำบัดให้มีอาชีพ เป็นต้น
ที่น่าพิจารณาคือ ร้อยละ 23.2 ระบุสถานการณ์ปัญหายาเสพติดในชุมชนอยู่ในระดับรุนแรงถึงรุนแรงมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 28.2 ระบุค่อนข้างรุนแรง ร้อยละ 22.3 ไม่ค่อยรุนแรง และร้อยละ 26.3 ไม่รุนแรงถึงไม่มีปัญหาเลย และที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 91.4 คิดว่าการลักทรัพย์ของประชาชนที่ประสบอุทกภัย มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้เสพ ผู้ค้ายาเสพติด
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงความพอใจของประชาชนต่อการแก้ปัญหายาเสพติดของบุคคลและหน่วยงานต่างๆ ในช่วงวิกฤตการณ์น้ำท่วม พบว่า ส่วนใหญ่หรือ ร้อยละ 80.0 พอใจในการดำเนินงานแก้ปัญหายาเสพติดของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รองลงมาคือร้อยละ 79.4 พอใจเครือข่ายภาคประชาชน ภาคเอกชน ร้อยละ 77.4 พอใจกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ร้อยละ 75.1 พอใจ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร้อยละ 74.1 พอใจทหาร /กองทัพ ร้อยละ 73.6 พอใจสำนักงาน ป.ป.ส. ร้อยละ 73.0 พอใจ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ร้อยละ 73.0 พอใจแกนนำชุมชน ร้อยละ 70.8 พอใจองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และร้อยละ 70.6 พอใจ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ตามลำดับ
และเมื่อสอบถามความพอใจโดยภาพรวมต่อการแก้ปัญหายาเสพติดโดยรัฐบาลในช่วงเดือนตุลาคม 2554 ที่ผ่านมาพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 76.3 พอใจ ในขณะที่ร้อยละ 23.7 ไม่พอใจ
แต่เมื่อสอบถามถึงปัญหาเดือดร้อนที่ประชาชนกำลังประสบอยู่และอยากให้รัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ไขนั้น พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 65.5 กำลังเป็นทุกข์ เรื่องปากท้อง ค่าครองชีพของประชาชน รองลงมาคือ ร้อยละ 62.2 เดือดร้อนเรื่องปัญหาอาชญากรรมและความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ร้อยละ 59.7 เดือดร้อน ปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ร้อยละ 51.4 เดือดร้อนปัญหายาเสพติด และร้อยละ 37.8 เดือดร้อนปัญหาไม่ได้รับความเป็นธรรมในสังคม รองๆ ลงไปคือ ปัญหาแกงค์รถซิ่ง เด็กเยาวชนมั่วสุม ภาระหนี้สิน ปัญหาแรงงานต่างด้าว และความรุนแรงในเด็กผู้หญิง ตามลำดับ
สำหรับข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลในการแก้ปัญหายาเสพติด ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 73.1 ให้เจ้าหน้าที่ตรวจตราอย่างเข้มงวด ไม่ปล่อยปละละเลย ตรวจค้นอย่างจริงจังต่อเนื่อง รองลงมาคือร้อยละ 54.4 เร่งปราบปรามจับกุมผู้ค้าผู้มีอิทธิพลที่อยู่ในหมู่บ้านชุมชน ร้อยละ 38.4 เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา มากขึ้น และรองๆลงไปที่น่าเป็นห่วงคือ เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติด ขอให้แก้ปัญหาว่างงาน มีบทลงโทษที่รุนแรงมากขึ้น และช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ผ่านการ บำบัดให้สามารถดำเนินชีวิตเป็นปกติสุขได้ ตามลำดับ
ผอ.ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน กล่าวว่า ยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินของรัฐบาลในการเอาชนะปัญหายาเสพติดเป็นยุทธศาสตร์ที่ต้องการการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาจากทุกภาคส่วน และจุดตั้งต้นของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังต่อเนื่องเป็นจังหวะเวลาที่สอดคล้องกับความต้องการและความพอใจของสาธารณชน อย่างไรก็ตาม เมื่อผลสำรวจพบว่า ข่าวสารที่ประชาชนได้รับส่วนใหญ่เป็นเรื่องของความรู้เกี่ยวกับยาเสพติดมาเป็นอันดับแรกจึงอาจยังไม่เพียงพอ เพราะถ้ามีความรู้แต่ไม่ตระหนัก ไม่ยึดมั่นผูกพันจนถึงขั้นยอมเสียสละ การมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนก็จะไม่เกิดขึ้น และอาจไม่บรรลุเป้าหมายตามยุทธศาสตร์พลังแผ่นดินที่วางไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสำรวจพบว่า ไม่ถึงร้อยละ 5 ของผู้ตอบแบบสอบถาม รับทราบยุทธศาสตร์นี้ผ่านการจัดประชาคมหมู่บ้าน/ชุมชน นั่นมีนัยสำคัญว่าการมีส่วนร่วมของประชาชนจากทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหายาเสพติดยังต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อลดช่องว่างระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและภาคประชาชนต่อไป
จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 44.6 เป็นชายร้อยละ 55.4 เป็นหญิง
ตัวอย่าง ร้อยละ 7.3 อายุน้อยกว่า 20 ปี
ร้อยละ 21.5 อายุระหว่าง 20—29 ปี
ร้อยละ 23.3 อายุระหว่าง 30—39 ปี
ร้อยละ 23.6 อายุระหว่าง 40—49 ปี
และร้อยละ 24.3 อายุ 50 ปีขึ้นไป
ตัวอย่าง ร้อยละ 62.5 สำเร็จการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี
ร้อยละ 32.6 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี
และร้อยละ 4.9 สำเร็จการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี
ตัวอย่าง ร้อยละ 29.8 ระบุอาชีพเกษตรกร/รับจ้างทั่วไป
ร้อยละ 23.2 ระบุอาชีพค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว
ร้อยละ 19.4 ระบุเป็นพนักงานเอกชน
ร้อยละ 12.2 ระบุข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ
ร้อยละ 4.9 ระบุเป็นนักเรียนนักศึกษา
ร้อยละ 6.6 เป็นแม่บ้าน/พ่อบ้าน/เกษียณอายุ
ร้อยละ 3.9 ว่างงาน/ไม่ได้ประกอบอาชีพ
ตัวอย่าง ร้อยละ 4.9 ระบุมีรายได้ครอบครัวเฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 5,000 บาท
ร้อยละ 30.9 ระบุ 5,001-10,000 บาทต่อเดือน
ร้อยละ 14.7 ระบุ 10,001-15,000 บาทต่อเดือน
ร้อยละ 11.5 ระบุ 15,001-20,000 บาทต่อเดือน
และร้อยละ 38.0 ระบุมากกว่า 20,000 บาทต่อเดือน
--เอแบคโพลล์--