เมื่อถามถึง การรับรู้ของสาธารณชนต่อผลงานของ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 89.1 ระบุเห็นผลงาน ในขณะที่ร้อยละ 10.9 ระบุ ยังไม่เห็นผลงาน นอกจากนี้ เมื่อสอบถามถึงความเชื่อมั่นต่อการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 88.3 ค่อนข้างเชื่อมั่นถึงเชื่อมั่นมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 11.7 ไม่ค่อยเชื่อมั่นถึงไม่เชื่อมั่นเลย
นอกจากนี้ เมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อ ผลงานของ กรมสอบสวนคดีพิเศษ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 56.1 ระบุดีขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 31.4 ระบุเหมือนเดิม และร้อยละ 12.5 ระบุแย่ลง และเมื่อถามถึง คดีพิเศษของ ดีเอสไอที่ได้รับความสนใจมากที่สุด พบว่า อันดับแรก หรือร้อยละ 43.7 ระบุ คดีรถหรู รถซุปเปอร์คาร์ รองลงมาคือ ร้อยละ 21.4 ระบุคดีทุจริตโรงพัก ร้อยละ 15.3 ระบุคดีกากสารพิษ มลพิษโรงงาน ร้อยละ 10.7 ระบุคดีการเมือง และร้อยละ 8.9 ระบุคดีอื่นๆ เช่น คดีค้ามนุษย์ คดีล้มสถาบัน คดีที่ดินเขาแพง เป็นต้น
ที่น่าสนใจคือ เมื่อถามถึงความรู้สึกชื่นชม นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ในฐานะสุดยอดซีอีโอของหน่วยงานรัฐ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.8 รู้สึกชื่นชม นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ในฐานะสุดยอดซีอีโอของหน่วยงานรัฐ ในขณะที่ ร้อยละ 16.2 ไม่รู้สึกชื่นชมอะไร
ผู้ช่วย.ผอ.เอแบคโพลล์ กล่าวว่า ในท่ามกลางความวุ่นวายทางสังคม การเมืองและเศรษฐกิจ ย่อมส่งผลกระทบต่อ การวางตัวเป็นกลางและการทำตาม “หน้าที่” ของเจ้าหน้าที่รัฐและมักจะส่งผลทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ขาดที่พึ่งและความหวังต่อหน่วยงานของรัฐในการเยียวยาปัญหาสำคัญของประเทศและประชาชน อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจครั้งนี้กลับชี้ให้เห็นว่า สาธารณชนยังมีหน่วยงานของรัฐที่เข้าถึงในการคลี่คลายปัญหาสำคัญที่สาธารณชนกำลังให้ความสนใจและมีความพึงพอใจต่อหัวหน้าหน่วยในฐานะที่เป็นสุดยอดซีอีโอของดีเอสไอ จึงน่าจะเป็นข้อมูลสำคัญให้กับหน่วยงานของรัฐหน่วยอื่นๆ ได้เร่งสร้างผลงานเป็นที่พึ่งและความหวังให้กับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศมากกว่าคอยเอาใจฝ่ายการเมืองและกลุ่มนายทุนโดยละเลยความเดือดร้อนของสาธารณชน
จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 49.0 เป็นชาย ร้อยละ 51.0 เป็นหญิง ตัวอย่างร้อยละ 4.7 อายุน้อยกว่า 20 ปี ร้อยละ 20.7 อายุระหว่าง 20—29 ปี ร้อยละ 19.2 อายุระหว่าง 30—39 ปี ร้อยละ 21.5 อายุระหว่าง 40—49 ปี และ ร้อยละ 33.9 อายุ 50 ปีขึ้นไป ตัวอย่างร้อยละ 77.0 สำเร็จการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี ร้อยละ 17.0 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี และร้อยละ 6.0 สำเร็จการศึกษาสูงกว่า ปริญญาตรี ตัวอย่างร้อยละ 32.4 ระบุอาชีพเกษตรกร/รับจ้างทั่วไป ร้อยละ 30.4 ระบุอาชีพค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว ร้อยละ 8.8 ระบุเป็นพนักงานเอกชน ร้อยละ 9.6 ระบุอาชีพข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 6.7 ระบุเป็นนักเรียน/นักศึกษา ร้อยละ 8.1 ระบุเป็นแม่บ้าน/พ่อบ้าน/เกษียณอายุ ร้อยละ 4.0 ระบุว่างงาน/ไม่ได้ประกอบอาชีพ
--เอแบคโพลล์--