ที่มาของโครงการ จากแนวคิด-แนวปฏิบัติต่างๆ ที่มีการนำเสนอผ่านสื่อสารมวลชนถึงทางออกของวิกฤตการณ์ปัญหาการเมืองในขณะนี้ สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จึงได้เอาแนวคิด-แนวปฏิบัติดังกล่าวเหล่านั้น ไปสอบถามการสนับสนุนจากประชาชน โดยการทำวิจัยภาคสนามหาข้อมูลเชิงสถิติศาสตร์ ด้วยการจัดส่งอาจารย์ เจ้าหน้าที่ และพนักงานเก็บรวบรวมข้อมูล ลงพื้นที่ที่ถูกสุ่มได้ ตามหลักวิชาการด้านระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์วัตถุประสงค์และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. เพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อพฤติกรรมการติดตามข่าวสารทางการเมือง 2. เพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวคิดการสร้างสันติวิธีแก้วิกฤตการเมืองในปัจจุบัน 3. เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสถาบันการเมืองที่เกี่ยวข้อง นำไปประกอบการพิจารณาเพื่อตัดสินใจดำเนินการ ใดๆที่จะเป็นประโยชน์ต่อความสงบสุขของประชาชนและความมั่นคงของประเทศต่อไประเบียบวิธีการดำเนินโครงการ โครงการสำรวจภาคสนามของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เรื่อง “ผ่าทางตันวิกฤตการเมืองในสายตาประชาชน: กรณีศึกษาประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล” ซึ่งมีระยะเวลาการดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 8 - 9 มีนาคม 2549 ประเภทของการสำรวจวิจัยครั้งนี้ คือ การวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) กลุ่มประชากรเป้าหมาย คือ ประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เทคนิควิธีการสุ่มตัวอย่าง ได้แก่ การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้น และกำหนดลักษณะของตัวอย่างให้สอดคล้องกับประชากรเป้าหมายจากการทำสำมะโน ขนาดตัวอย่างที่ทำการสำรวจ จำนวน 1,565 ตัวอย่าง เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถาม วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ การสัมภาษณ์ หลังจากนั้นคณะผู้วิจัยได้ตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ของแบบสอบถามก่อนนำเข้าวิเคราะห์ข้อมูลและงบประมาณทั้งสิ้นเป็นของมหาวิทยาลัยลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 51.6 เป็นหญิง ร้อยละ 48.4 เป็นชาย ตัวอย่าง ร้อยละ 5.3 อายุต่ำกว่า 20 ปี ร้อยละ 26.3 อายุระหว่าง 20—29 ปี ร้อยละ 23.9 อายุระหว่าง 30—39 ปี ร้อยละ 20.6 อายุระหว่าง 40—49 ปี และร้อยละ 23.9 อายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งตัวอย่าง ร้อยละ 72.8 ระบุสำเร็จการศึกษาต่ำกว่าระดับปริญญาตรี ร้อยละ 23.2 ระบุสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี และร้อยละ 4.0 ระบุสำเร็จการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี เมื่อพิจารณาถึงอาชีพประจำของตัวอย่างพบว่า ตัวอย่างร้อยละ 29.4 ระบุอาชีพค้าขาย / ธุรกิจส่วนตัว ร้อยละ 22.7 ระบุอาชีพรับจ้างทั่วไป/เกษตรกร ร้อยละ 20.5 ระบุอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน ร้อยละ 12.8 ระบุอาชีพข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 6.1 ระบุเป็นแม่บ้าน/พ่อบ้าน/เกษียณอายุ ร้อยละ 5.4 ระบุเป็นนักศึกษา และร้อยละ 3.1 ไม่ได้ประกอบอาชีพ ตัวอย่าง ร้อยละ 24.8 ระบุรายได้ส่วนตัวโดยเฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 5,000 บาท ร้อยละ 46.8 ระบุ 5,001-10,000 บาท ร้อยละ 9.8 ระบุ 10,001-15,000 บาท ร้อยละ 7.1 ระบุ 15,001-20,000 บาท ร้อยละ 1.2 ระบุ 20,001 — 25,000 ร้อยละ 3.9 ระบุ 25,001-30,000 และร้อยละ 6.4 ระบุมากกว่า 30,000 บาทบทสรุปผลสำรวจ ศ.ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ ร่วมกับ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการ สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เสนอผลสำรวจภาคสนามเรื่อง “ผ่าทางตันวิกฤตการเมืองในสายตาประชาชน” ในครั้งนี้ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 1,565 ตัวอย่าง โดยมีระยะเวลาการดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 8 - 9 มีนาคม 2549 โดยประเด็นสำคัญที่ค้นพบจากการสำรวจ มีดังนี้ จากการสอบถามความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างเกี่ยวกับพฤติกรรมในการติดตามข่าวสถานการณ์ทางการเมือง ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา พบว่า ในประเด็นประเภทของสื่อที่ติดตามข่าวสารประจำวัน กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ คือ ร้อยละ 91.4 ระบุติดตามข่าวสารประจำวันจากโทรทัศน์ รองลงมา คือ ร้อยละ 47.5 ระบุติดตามข่าวจากหนังสือพิมพ์ ร้อยละ 25.2 ระบุติดตามจากการพูดคุยกับคนอื่น ร้อยละ 24.9 ระบุติดตามข่าวจากวิทยุและร้อยละ 6.6 ระบุอินเทอร์เนต ทั้งนี้กลุ่มตัวอย่างเกินกว่า 2 ใน 3 คือ ร้อยละ 76.3 ระบุติดตามข่าวสถานการณ์ทางการเมืองโดยเฉลี่ยทุกวันหรือเกือบทุกวัน รองลงมา คือ ร้อยละ 14.1 ติดตามข่าว 3 — 4 วันต่อสัปดาห์ ร้อยละ 8.3 ติดตามข่าว 1 — 2 วันต่อสัปดาห์ ส่วนที่ไม่ได้ติดตามข่าวเลย มีร้อยละ 1.3 ในประเด็นความสำคัญของเหตุการณ์ทางการเมือง ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ คือ ร้อยละ 94.8 ระบุเหตุการณ์ทางการเมือง ในช่วง 30 วันที่ผ่านมาเป็นเรื่องที่สำคัญ ที่เหลืออีกเพียงร้อยละ 5.2 ระบุเป็นเรื่องไม่สำคัญ เมื่อสอบถามกลุ่มตัวอย่างเกี่ยวกับการสนับสนุนแนวคิดการสร้างสันติวิธีแก้วิกฤตการเมืองขณะนี้ พบว่า แนวคิดที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มตัวอย่างเรียงตามลำดับ ได้แก่ การให้แต่ละฝ่ายควรรับฟังเหตุผลของกันและกัน (ร้อยละ 94.9 ระบุสนับสนุน-สนับสนุนอย่างยิ่ง) รองลงมา คือ การไม่ใส่ร้ายโจมตีต่อกันและกัน (ร้อยละ 93.6 ระบุสนับสนุน-สนับสนุนอย่างยิ่ง) การให้มีการเจรจาร่วมกันของทุกฝ่ายเพื่อหาข้อยุติความขัดแย้ง (ร้อยละ 92.5 ระบุสนับสนุน-สนับสนุนอย่างยิ่ง) การให้มีคนกลางตรวจสอบ พิจารณาและนำเสนอข้อเท็จจริง (ร้อยละ 88.5 ระบุสนับสนุน-สนับสนุนอย่างยิ่ง) การให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวอย่างรอบด้านและเท่าเทียมกัน (ร้อยละ 84.3 ระบุสนับสนุน-สนับสนุนอย่างยิ่ง) การชุมนุมกันด้วยความอดทนอดกลั้น ไม่ใช้ความรุนแรง (ร้อยละ 83.6 ระบุสนับสนุน-สนับสนุนอย่างยิ่ง) การยุติการยั่วยุให้เกิดอารมณ์โกรธแค้นกัน (ร้อยละ 72.8 ระบุสนับสนุน-สนับสนุนอย่างยิ่ง) การเปิดไฟหน้ารถแสดงจุดยืนรักสงบ (ร้อยละ 71.8 ระบุสนับสนุน-สนับสนุนอย่างยิ่ง) การไม่เคลื่อนย้ายกลุ่มผู้ชุมนุม (ร้อยละ 66.0 ระบุสนับสนุน-สนับสนุนอย่างยิ่ง) และการไม่เผชิญหน้ากัน (ร้อยละ 53.7 ระบุสนับสนุน-สนับสนุนอย่างยิ่ง) จากสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนระอุทำให้กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ คือ ร้อยละ 76.2 ระบุทิศทางการแก้ปัญหาทางการเมืองโดยใช้สันติวิธี รองลงมา คือ ร้อยละ 75.1 ระบุให้รักษาผลประโยชน์ประเทศชาติ ร้อยละ 70.0 ระบุให้มีความโปร่งใส ร้อยละ 66.0 ระบุให้มีการหันหน้าปรองดองกันทุกฝ่าย ร้อยละ 64.5 ระบุให้มีความยุติธรรม โปรดพิจารณาประเด็นสำคัญที่ค้นพบตารางที่ 1 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุประเภทของสื่อที่ติดตามข่าวสารประจำวัน (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)ลำดับที่ ประเภทของสื่อ ค่าร้อยละ1 โทรทัศน์ 91.42 หนังสือพิมพ์ 47.53 พูดคุยกับคนอื่น 25.24 วิทยุ 24.95 อินเทอร์เนต 6.66 สื่ออื่นๆ อาทิเช่น ใบปลิว อุปกรณ์สื่อสาร เป็นต้น 0.8ตารางที่ 2 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความถี่โดยเฉลี่ยในการติดตามข่าวสถานการณ์ทางการเมือง ในช่วง 30 วันที่ผ่านมาลำดับที่ ความถี่โดยเฉลี่ยในการติดตามข่าวสถานการณ์ทางการเมือง ค่าร้อยละ1 ทุกวัน / เกือบทุกวัน 76.32 3 — 4 วันต่อสัปดาห์ 14.13 1 — 2 วันต่อสัปดาห์ 8.34 ไม่ได้ติดตามเลย 1.3 รวมทั้งสิ้น 100.0ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความสำคัญของเหตุการณ์ทางการเมือง ในช่วง 30 วันที่ผ่านมาลำดับที่ ความสำคัญของเหตุการณ์ทางการเมือง ค่าร้อยละ1 เป็นเรื่องที่สำคัญ 94.82 เป็นเรื่องไม่สำคัญ 5.2 รวมทั้งสิ้น 100.0ตารางที่ 4 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการสนับสนุนแนวคิด-แนวปฏิบัติที่ว่าทุกฝ่ายควรรับฟังเหตุผล ของกันและกันลำดับที่ การสนับสนุนของประชาชน ค่าร้อยละ1 สนับสนุนอย่างยิ่ง 51.12 สนับสนุน 43.83 ไม่ค่อยสนับสนุน 1.14 ไม่สนับสนุนเลย 0.95 ไม่มีความเห็น 3.1 รวมทั้งสิ้น 100.0ตารางที่ 5 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการสนับสนุนแนวคิด-แนวปฏิบัติที่ว่าทุกฝ่ายไม่ใส่ร้ายโจมตี ซึ่งกันและกันลำดับที่ การสนับสนุนของประชาชน ค่าร้อยละ1 สนับสนุนอย่างยิ่ง 50.82 สนับสนุน 42.83 ไม่ค่อยสนับสนุน 1.44 ไม่สนับสนุนเลย 0.95 ไม่มีความเห็น 4.1 รวมทั้งสิ้น 100.0ตารางที่ 6 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการสนับสนุนแนวคิด-แนวปฏิบัติที่ว่าควรมีการเจรจา ร่วมกันของทุกฝ่ายเพื่อหาข้อยุติความขัดแย้ง ลำดับที่ การสนับสนุนของประชาชน ค่าร้อยละ1 สนับสนุนอย่างยิ่ง 48.72 สนับสนุน 43.83 ไม่ค่อยสนับสนุน 2.34 ไม่สนับสนุนเลย 1.85 ไม่มีความเห็น 3.4 รวมทั้งสิ้น 100.0ตารางที่ 7 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการสนับสนุนแนวคิด-แนวปฏิบัติที่ว่าควรมีคนกลาง ตรวจสอบ พิจารณาและนำเสนอ ข้อมูล/ข้อเท็จจริง ลำดับที่ การสนับสนุนของประชาชน ค่าร้อยละ1 สนับสนุนอย่างยิ่ง 42.32 สนับสนุน 46.23 ไม่ค่อยสนับสนุน 3.54 ไม่สนับสนุนเลย 1.95 ไม่มีความเห็น 6.1 รวมทั้งสิ้น 100.0ตารางที่ 8 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการสนับสนุนแนวคิด-แนวปฏิบัติที่ว่าสื่อมวลชนนำเสนอ ข่าวอย่างรอบด้านและเท่าเทียมกันลำดับที่ การสนับสนุนของประชาชน ค่าร้อยละ1 สนับสนุนอย่างยิ่ง 35.72 สนับสนุน 48.63 ไม่ค่อยสนับสนุน 5.94 ไม่สนับสนุนเลย 2.45 ไม่มีความเห็น 7.4 รวมทั้งสิ้น 100.0ตารางที่ 9 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการสนับสนุนแนวคิด-แนวปฏิบัติที่ว่าการชุมนุมของทุกฝ่าย ควรยุติการยั่วยุให้เกิดอารมณ์โกรธแค้นลำดับที่ การสนับสนุนของประชาชน ค่าร้อยละ1 สนับสนุนอย่างยิ่ง 35.32 สนับสนุน 37.53 ไม่ค่อยสนับสนุน 8.24 ไม่สนับสนุนเลย 14.45 ไม่มีความเห็น 4.6 รวมทั้งสิ้น 100.0ตารางที่ 10 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการสนับสนุนแนวคิด-แนวปฏิบัติที่ว่าให้ประชาชนเปิดไฟ หน้ารถแสดงจุดยืนรักสงบลำดับที่ การสนับสนุนของประชาชน ค่าร้อยละ1 สนับสนุนอย่างยิ่ง 31.12 สนับสนุน 40.73 ไม่ค่อยสนับสนุน 8.84 ไม่สนับสนุนเลย 7.75 ไม่มีความเห็น 11.7 รวมทั้งสิ้น 100.0ตารางที่ 11 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการสนับสนุนแนวคิด-แนวปฏิบัติที่ไม่มีการเผชิญหน้ากันลำดับที่ การสนับสนุนของประชาชน ค่าร้อยละ1 สนับสนุนอย่างยิ่ง 25.42 สนับสนุน 28.33 ไม่ค่อยสนับสนุน 17.24 ไม่สนับสนุนเลย 16.25 ไม่มีความเห็น 12.9 รวมทั้งสิ้น 100.0ตารางที่ 12 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุทิศทางการแก้ปัญหาทางการเมืองที่ต้องการ (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)ลำดับที่ ทิศทางการแก้ปัญหาทางการเมืองที่ต้องการ ค่าร้อยละ1 ใช้สันติวิธี 76.22 รักษาผลประโยชน์ประเทศชาติ 75.13 มีความโปร่งใส 70.04 การหันหน้าปรองดองกันของทุกฝ่าย 66.05 มีความยุติธรรม 64.56 มีความชอบธรรม 57.87 ยึดถือกฎกติกา 50.78 การให้อภัยต่อกัน 49.89 จริยธรรมทางการเมือง 44.710 เอาชนะให้ถึงที่สุด 7.5 บทวิเคราะห์ผลสำรวจจำแนกตามคุณลักษณะที่สนใจ -การสนับสนุนแนวคิด-แนวปฏิบัติที่ว่าการชุมนุมของทุกฝ่ายควรยุติการยั่วยุให้เกิดอารมณ์โกรธแค้น ตารางที่ 13 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการสนับสนุนแนวคิด-แนวปฏิบัติที่ว่าการชุมนุม ของทุกฝ่ายควรยุติการยั่วยุให้เกิดอารมณ์โกรธแค้น จำแนกตามเพศลำดับที่ การสนับสนุนของประชาชน เพศชายค่าร้อยละ เพศหญิงค่าร้อยละ1 สนับสนุนอย่างยิ่ง 36.6 33.72 สนับสนุน 34.2 40.93 ไม่ค่อยสนับสนุน 7.6 8.44 ไม่สนับสนุนเลย 16.8 12.55 ไม่มีความเห็น 4.8 4.5 รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0ตารางที่ 14 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการสนับสนุนแนวคิด-แนวปฏิบัติที่ว่าการชุมนุม ของทุกฝ่ายควรยุติการยั่วยุให้เกิดอารมณ์โกรธแค้น จำแนกตามระดับการศึกษาลำดับที่ การสนับสนุนของประชาชน ต่ำกว่า ป.ตรีค่าร้อยละ ป.ตรีขึ้นไปค่าร้อยละ1 สนับสนุนอย่างยิ่ง 34.2 40.22 สนับสนุน 37.2 41.03 ไม่ค่อยสนับสนุน 8.7 5.14 ไม่สนับสนุนเลย 14.8 11.55 ไม่มีความเห็น 5.1 2.2 รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0ตารางที่ 15 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการสนับสนุนแนวคิด-แนวปฏิบัติที่ว่าการชุมนุมของทุกฝ่าย ควรยุติการยั่วยุให้เกิดอารมณ์โกรธแค้น จำแนกตามการเลือกพรรคการเมืองแบบบัญชีรายชื่อ จากการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2548ลำดับที่ การสนับสนุนของประชาชน เคยเลือกพรรคไทยรักไทยค่าร้อยละ เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์ค่าร้อยละ1 สนับสนุนอย่างยิ่ง 37.2 31.12 สนับสนุน 35.6 40.23 ไม่ค่อยสนับสนุน 7.4 8.64 ไม่สนับสนุนเลย 16.3 13.15 ไม่มีความเห็น 3.5 7.0 รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0 -การสนับสนุน แนวคิด-แนวปฏิบัติที่ว่าสื่อมวลชนนำเสนอข่าวอย่างรอบด้านและเท่าเทียมกันตารางที่ 16 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการสนับสนุนแนวคิด-แนวปฏิบัติที่ว่าสื่อมวลชนนำเสนอ ข่าวอย่างรอบด้านและเท่าเทียมกัน จำแนกตามเพศลำดับที่ การสนับสนุนของประชาชน เพศชายค่าร้อยละ เพศหญิงค่าร้อยละ1 สนับสนุนอย่างยิ่ง 39.9 31.02 สนับสนุน 43.9 53.83 ไม่ค่อยสนับสนุน 5.6 6.34 ไม่สนับสนุนเลย 2.4 2.45 ไม่มีความเห็น 8.2 6.5 รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0ตารางที่ 17 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการสนับสนุนแนวคิด-แนวปฏิบัติที่ว่าสื่อมวลชนนำเสนอ ข่าวอย่างรอบด้านและเท่าเทียมกัน จำแนกตามระดับการศึกษาลำดับที่ การสนับสนุนของประชาชน ต่ำกว่า ป.ตรีค่าร้อยละ ป.ตรีขึ้นไปค่าร้อยละ1 สนับสนุนอย่างยิ่ง 34.7 38.92 สนับสนุน 49.3 47.43 ไม่ค่อยสนับสนุน 5.9 7.34 ไม่สนับสนุนเลย 2.4 1.75 ไม่มีความเห็น 7.7 4.7 รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0ตารางที่ 18 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการสนับสนุนแนวคิด-แนวปฏิบัติที่ว่าสื่อมวลชนนำเสนอ ข่าวอย่างรอบด้านและเท่าเทียมกัน จำแนกตามการเลือกพรรคการเมืองแบบบัญชีรายชื่อจาก การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2548ลำดับที่ การสนับสนุนของประชาชน เคยเลือกพรรคไทยรักไทยค่าร้อยละ เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์ค่าร้อยละ1 สนับสนุนอย่างยิ่ง 37.6 41.82 สนับสนุน 46.8 43.43 ไม่ค่อยสนับสนุน 5.5 6.64 ไม่สนับสนุนเลย 2.0 3.35 ไม่มีความเห็น 8.1 4.9 รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0 -การสนับสนุนแนวคิด-แนวปฏิบัติที่ว่าให้ประชาชนเปิดไฟหน้ารถแสดงจุดยืนรักสงบตารางที่ 19 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการสนับสนุนแนวคิด-แนวปฏิบัติที่ว่าให้ประชาชนเปิดไฟ หน้ารถแสดงจุดยืนรักสงบ จำแนกตามเพศลำดับที่ การสนับสนุนของประชาชน เพศชายค่าร้อยละ เพศหญิงค่าร้อยละ1 สนับสนุนอย่างยิ่ง 32.8 28.82 สนับสนุน 36.2 45.53 ไม่ค่อยสนับสนุน 10.0 7.64 ไม่สนับสนุนเลย 9.3 6.35 ไม่มีความเห็น 11.7 11.8 รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0ตารางที่ 20 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการสนับสนุนแนวคิด-แนวปฏิบัติที่ว่าให้ประชาชนเปิดไฟ หน้ารถแสดงจุดยืนรักสงบ จำแนกตามระดับการศึกษาลำดับที่ การสนับสนุนของประชาชน ต่ำกว่า ป.ตรีค่าร้อยละ ป.ตรีขึ้นไปค่าร้อยละ1 สนับสนุนอย่างยิ่ง 32.1 25.62 สนับสนุน 41.1 40.23 ไม่ค่อยสนับสนุน 8.4 11.54 ไม่สนับสนุนเลย 6.7 14.15 ไม่มีความเห็น 11.7 8.6 รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0ตารางที่ 21 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการสนับสนุนแนวคิด-แนวปฏิบัติที่ว่าให้ประชาชนเปิดไฟ หน้ารถแสดงจุดยืนรักสงบ จำแนกตามการเลือกพรรคการเมืองแบบบัญชีรายชื่อจากการ เลือกตั้ง เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2548ลำดับที่ การสนับสนุนของประชาชน เคยเลือกพรรคไทยรักไทยค่าร้อยละ เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์ค่าร้อยละ1 สนับสนุนอย่างยิ่ง 35.7 25.02 สนับสนุน 44.3 30.73 ไม่ค่อยสนับสนุน 6.7 15.24 ไม่สนับสนุนเลย 4.5 17.25 ไม่มีความเห็น 8.8 11.9 รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0 -การสนับสนุนแนวคิด-แนวปฏิบัติที่ว่าควรมีการเจรจาร่วมกันของทุกฝ่ายเพื่อหาข้อยุติความขัดแย้งตารางที่ 22 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการสนับสนุนแนวคิด-แนวปฏิบัติที่ว่าควรมีการเจรจา ร่วมกันของทุกฝ่ายเพื่อหาข้อยุติความขัดแย้ง จำแนกตามเพศลำดับที่ การสนับสนุนของประชาชน เพศชายค่าร้อยละ เพศหญิงค่าร้อยละ1 สนับสนุนอย่างยิ่ง 52.7 44.62 สนับสนุน 39.4 48.13 ไม่ค่อยสนับสนุน 3.3 1.44 ไม่สนับสนุนเลย 1.5 2.05 ไม่มีความเห็น 3.1 3.9 รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0ตารางที่ 23 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการสนับสนุนแนวคิด-แนวปฏิบัติที่ว่าควรมีการเจรจา ร่วมกันของทุกฝ่ายเพื่อหาข้อยุติความขัดแย้งลำดับที่ การสนับสนุนของประชาชน ต่ำกว่า ป.ตรีค่าร้อยละ ป.ตรีขึ้นไปค่าร้อยละ1 สนับสนุนอย่างยิ่ง 47.7 53.02 สนับสนุน 44.6 41.03 ไม่ค่อยสนับสนุน 2.3 2.64 ไม่สนับสนุนเลย 1.9 1.35 ไม่มีความเห็น 3.5 2.1 รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0ตารางที่ 24 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการสนับสนุนแนวคิด-แนวปฏิบัติที่ว่าควรมีการเจรจาร่วมกันของทุกฝ่ายเพื่อหาข้อยุติความขัดแย้ง จำแนกตามการเลือกพรรคการเมืองแบบบัญชีรายชื่อจากการเลือกตั้งเมื่อ 6 ก.พ.48ลำดับที่ การสนับสนุนของประชาชน เคยเลือกพรรคไทยรักไทยค่าร้อยละ เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์ค่าร้อยละ1 สนับสนุนอย่างยิ่ง 50.8 44.32 สนับสนุน 43.0 47.13 ไม่ค่อยสนับสนุน 1.8 2.94 ไม่สนับสนุนเลย 1.2 1.65 ไม่มีความเห็น 3.2 4.1 (ยังมีต่อ)