‘กรมเจรจาฯ’ นำทัพพันธมิตรลงพื้นที่พิจิตร เดินหน้าโมเดล “ตลาดนำการผลิต” นำร่องมะม่วง-ส้มโอ ดันใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอขยายส่งออก

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 25, 2021 13:11 —กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จับมือพันธมิตรภาครัฐและเอกชนลงพื้นที่จังหวัดพิจิตร เดินหน้าขับเคลื่อนโมเดล ?ตลาดนำการผลิต? ของ ?จุรินทร์? รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เร่งติดอาวุธสหกรณ์และเกษตรกรพัฒนาสินค้าเกษตรให้ได้คุณภาพและมาตรฐาน นำร่องมะม่วง-ส้มโอ-พริกซอส ลุยเจาะตลาดออนไลน์และออฟไลน์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ชี้ช่องใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอขยายส่งออก หวังสร้างรายได้ระยะยาว

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23-24 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา กรมฯ ได้ร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ นำคณะผู้แทนจากกรมการค้าภายใน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมทรัพย์สินทางปัญญา และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดพิจิตร พร้อมด้วยภาคเอกชน อาทิ สถาบันส่งเสริมคุณภาพเกษตรไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย บริษัทเซ็นทรัลฟู้ดรีเทล จำกัด (ท๊อปส์ซุปเปอร์มาร์เก็ต) บริษัทสยามแม็คโคร จำกัด และบริษัทเลิศโกลบอลกรุ๊ป จำกัด ลงพื้นที่พบปะสมาชิกสหกรณ์ และเกษตรกรผู้ผลิตมะม่วง ส้มโอ และพริกซอส ในจังหวัดพิจิตร พร้อมเยี่ยมศูนย์ส่งออกส้มโอโพธิ์ประทับช้าง ศูนย์รวบรวมผลผลิตกลุ่มมะม่วงแปลงใหญ่ วังทับไทร อำเภอสากเหล็ก สวนมะม่วง อ.เขมชาติ ศูนย์รวบรวมพริกซอสของสหกรณ์ชาวนาวังทรายพูน และตลาดจริงใจ ฟาร์มเมอร์มาร์เก็ต และท็อปส์ซุปเปอร์มาร์เก็ต

นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้จัดสัมมนา ?ติดอาวุธสหกรณ์ไทยใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ สร้างแต้มต่อทางการค้า และยกระดับสินค้าสหกรณ์ด้วยมาตรฐานและมูลค่า สู่การค้าเสรี? ให้กับเครือข่ายสมาชิกสหกรณ์ในจังหวัดพิจิตรกว่า 100 คน ณ โรงแรมมีพรสวรรค์ แกรนด์ โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท เพื่อสร้างความเข้าใจในการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) เพิ่มแต้มต่อให้กับสินค้าเกษตรของไทยในตลาดคู่ค้าสำคัญ รวมถึงการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานสินค้าเกษตร และการทำการตลาดให้มะม่วงและส้มโอ

นางอรมน กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ พบว่าส้มโอโพธิ์ประทับช้าง มีตลาดทั้งในและต่างประเทศ แบ่งเป็นตลาดในประเทศสัดส่วน 65% (ประมาณ 13,500 ตัน) ส่งขายตลาดไท และตลาดมุมเมือง ที่เหลือ 35% (7,000 ตัน) ส่งออกต่างประเทศ อาทิ จีน และตะวันออกกลาง ราคาส่งออกเฉลี่ย กิโลกรัมละ 50 ? 60 บาท สำหรับมะม่วงในอำเภอสากเหล็ก ซึ่งเป็นแหล่งปลูกมะม่วงเพื่อการส่งออก มีพื้นที่เพาะปลูกกว่า 200,000 ไร่ มีผลิตขั้นต่ำเฉลี่ยไร่ละ 1 ตัน ส่วนใหญ่ได้มาตรฐาน GAP แล้ว และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ทุกสวน ส่วนใหญ่ปลูกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง ซึ่งได้รับความนิยมสูงในตลาดต่างประเทศ ตลาดส่งออกสำคัญ อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสิงคโปร์

นางอรมน เสริมว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสของเกษตรกรที่จะเพิ่มช่องทางการจำหน่าย ผ่านทางห้างโมเดิร์นเทรดของไทย อาทิ ท็อปซุปเปอร์มาร์เก็ต แมคโคร และบิ๊กซี รวมทั้งตลาดในต่างประเทศที่ไทยมีเอฟทีเอด้วย อาทิ จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม ซึ่งปัจจุบันไม่เก็บภาษีศุลกากรกับมะม่วงและส้มโอที่ส่งออกจากไทยแล้ว

สำหรับพริกซอส ของสหกรณ์ชาวนาวังทรายพูน จำกัด ที่รวบรวมส่งให้โรงงานผลิตซอสพริก มีพื้นที่ปลูกกว่า 212 ไร่ ตลาดมีความต้องการสูงและให้ราคาดี มีการทำข้อตกลงซื้อขายล่วงหน้า รับซื้อในราคาประกัน พันธุ์ศรีสุดา รับซื้อ 14 บาท/กิโลกรัม ส่วนพันธุ์ซุปเปอร์ฮอท รับซื้อ 33 บาท/กิโลกรัม ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มจากการจำหน่ายพริก 56,000 บาท/ปี หรือ 140,000 บาทต่อฤดูกาลผลิต ซึ่งช่วยให้สมาชิกสหกรณ์มีรายได้ที่มั่นคงมากขึ้น

ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยครองตำแหน่งผู้ส่งออกมะม่วงอันดับที่ 2 ในอาเซียน รองจากเวียดนาม และอันดับที่ 7 ของโลก โดยในปี 2563 ไทยส่งออกมะม่วงสดสู่ตลาดโลก มูลค่ารวม 62 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 5% จากปี 2562 ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ อาเซียน เกาหลีใต้ และจีน ปัจจุบันประเทศคู่เอฟทีเอของไทย 15 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน 7 ประเทศ (อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ บรูไนฯ เวียดนาม เมียนมา และมาเลเซีย) จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย ชิลี และเปรู ไม่เก็บภาษีนำเข้ามะม่วงสดและมะม่วงอบแห้งจากไทยแล้ว เหลือเพียง 3 ประเทศ คือ สปป.ลาว และกัมพูชา เก็บภาษีนำเข้า 5% และเกาหลีใต้ เก็บภาษีนำเข้า 24%

สำหรับส้มโอ ในปี 2563 ไทยส่งออกส้มโอสู่ตลาดโลก มูลค่ารวม 21.35 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 29% จากปี 2562 ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ จีน อาเซียน (สปป.ลาว และเมียนมา เป็นตลาดส่งออกหลัก) และฮ่องกง ปัจจุบันประเทศคู่เอฟทีเอของไทย 17 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน 9 ประเทศ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี และเปรู ไม่เก็บภาษีนำเข้าส้มโอจากไทยแล้ว เหลือเพียง อินเดีย ที่คงเก็บภาษีนำเข้า 25%

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

กระทรวงพาณิชย์

24 มีนาคม 2564

ที่มา: กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ