ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การก่อภาระผูกพันของบริษัทเงินทุนในบางลักษณะ ————————————————— เพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่ส่วนรวม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 26 (4) (จ) แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.2522 พ.ศ.2526 ธนาคารแห่งประเทศไทยออกข้อกำหนดด้วยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ดังต่อไปนี้ ข้อ 1. การกระทำต่อไปนี้ของบริษัทเงินทุนให้ถือว่าเป็นการกระทำที่อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ส่วนรวมตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดตามมาตรา 26 (4) (จ) แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์พ.ศ.2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.2522 พ.ศ.2526 คือ (1) การประกันหนี้ใด ๆ ของผู้ถือหุ้นของบริษัทเงินทุน หรือกิจการที่บริษัทเงินทุน กรรมการผู้จัดการ พนักงานหรือบุคคลผู้มีอำนาจในการจัดการ หรือผู้ถือหุ้นของบริษัทเงินทุนมีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง (2) การรับรอง รับอาวัล หรือสอดเข้าแก้หน้าในตั๋วเงินที่บุคคลหรือกิจการตาม (1) เป็นผู้สั่งจ่าย หรือผู้ออกตั๋ว หรือผู้สลักหลัง ทั้งนี้ ในปริมาณเกินสมควร หรือมีเงื่อนไขหรือข้อกำหนดพิเศษผิดไปจากปกติ หรือโดยรู้หรือควรจะได้รู้อยู่แล้วว่าบุคคลหรือกิจการนั้นไม่สามารถชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ได้ และบริษัทเงินทุนนั้นจะต้องเป็นผู้ชำระหนี้แทน ข้อ 2. ผู้ถือหุ้น กรรมการ ผู้จัดการ หรือพนักงานหรือบุคคลผู้มีอำนาจในการจัดการของบริษัทเงินทุนในข้อ 1 ให้หมายความรวมถึงบุคคลหรือห้างหุ้นส่วนตามความในมาตรา 20 (7) วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ พ.ศ.2522 (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2528 ด้วยโดยอนุโลม ข้อ 3. ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 8 มกราคม 2533 กำจร สถิรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 107 ตอนที่ 6 วันที่ 9 มกราคม 2533)