แท็ก
สำนักงบประมาณ
คณะรัฐมนตรีรับทราบร่างข้อเสนอการจัดทำงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2549 ตามที่สำนักงบประมาณเสนอแล้วมีมติเห็นชอบดังนี้
(1) แนวทางการจัดทำงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549
ตามข้อ 1-4
(2) หลักเกณฑ์การจัดสรรกรอบวงเงิน 40,000 ล้านบาท ให้แก่จังหวัดต่าง ๆ ตามทางเลือก
ที่ 3 ในข้อ 5
(3) ปฏิทินและขั้นตอนการจัดทำงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ 2549
ตามข้อ 6
ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายขยายระบบบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการให้ครอบคลุมทุกจังหวัด ตั้งแต่
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เป็นต้นมานั้น สำนักงบประมาณได้สนับสนุนระบบบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการมาโดยตลอด แต่ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาพบว่าส่วนราชการต่าง ๆ ยังไม่ให้ความสำคัญกับการจัดสรรงบประมาณตามยุทธศาสตร์ การพัฒนาจังหวัดเท่าที่ควร เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านระยะเวลา และมีความสับสนในทางปฏิบัติ ดังนั้น เพื่อให้ทุกจังหวัดสามารถขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดอย่างเป็นรูปธรรม และให้ส่วนราชการและจังหวัดมีแนวทางการดำเนินงานในการจัดทำงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ดังนี้
1. มีการกำหนดสัดส่วนวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2549 สำหรับงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการ เพื่อให้มีกรอบวงเงินจำนวนหนึ่งไว้สำหรับรองรับโครงการที่คิดริเริ่มจากจังหวัด เพื่อให้มีกรอบวงเงินจำนวนหนึ่งไว้สำหรับรองรับโครงการที่คิดริเริ่มจากจังหวัดตามยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด ซึ่งเป็นการปรับกระบวบการจัดทำงบประมาณจากเดิมที่ให้ส่วนราชการเป็นผู้วางแผนและเสนอขอตั้งงบประมาณทั้งในภารกิจส่วนกลางและส่วนภูมิภาค มาเป็นการเปิดโอกาสให้จังหวัดมีส่วนร่วมในการเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อสนับสนุนให้จังหวัดมีบทบาทเสมือนหน่วยธุรกิจเชิงยุทธศาสตร์ (strategic Business Unit) อย่างแท้จริง ที่สามารถวินิจฉัยสถานการณ์ ปัญหา อุปสรรค และกำหนดแนวทางแก้ไข ตลอดจนดำเนินการต่าง ๆ ให้เป็นเป้าหมายของแผนงาน/โครงการที่กำหนดในระดับจังหวัด ซึ่งเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัดและยุทธศาสตร์ชาติ อันจะส่งผลให้นโยบายการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการประสบผลสำเร็จได้มากยิ่งขึ้น โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 เห็นควรกำหนดสัดส่วนวงเงินสำหรับงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการไว้ จำนวน 40,000 ล้านบาท การกำหนดวงเงิน จำนวน 40,000 ล้านบาท ดังกล่าวข้างต้น ประมาณการโดยใช้วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ที่หัวหน้าส่วนราชการมอบอำนาจการบริหารงบประมาณให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด (ไม่รวมงบบุคลากรและงบเงินอุดหนุน) ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. 2546 มาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนเขตเลือกตั้ง 400 เขต เขตละ 100 ล้านบาท
2. การจัดสรรงบประมาณในปี 2549 ของจังหวัดแบบบูรณาการยังคงผ่านส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ โดยให้จังหวัดเสนอขอตั้งงบประมาณภายในกรอบวงเงินที่ได้รับจัดสรรไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งส่วนราชการ ต้องให้ความสำคัญกับโครงการตามยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัด/จังหวัดที่จังหวัดเสนอขอตั้งงบประมาณไป และบรรจุเป็นส่วนหนึ่งขอคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 โดยแยกรายการงบประมาณของแต่ละจังหวัดให้ชัดเจน
3. ให้จังหวัดเป็นผู้บูรณาการการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีของทุกหน่วยงานตามยุทธศาสตร์
การพัฒนากลุ่มจังหวัด/จังหวัด โดยมีการกำหนดโครงการให้ครอบคลุมทุกภารกิจและทุกภาคส่วนที่ดำเนินงานในจังหวัด และมีการจำแนกประเภทโครงการ หน่วยงานรับผิดชอบและแหล่งเงินไว้อย่างชัดเจน รวมทั้งประสานงานกับส่วนกลางเพื่อตรวจสอบความพร้อมของโครงการ และความสอดคล้องกับเป้าหมายของหน่วยงานและกระทรวง และพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันที
4. มีกลไกการพิจารณากลั่นกรองคำขอตั้งงบประมาณอย่างเป็นระบบในทุกขั้นตอน โดยใช้กลไกการทำงานของคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (กบจ.) และการทำงานร่วมกันระหว่างส่วนราชการ จังหวัด และสำนักงบประมาณ เพื่อให้คำขอตั้งงบประมาณจากจังหวัดได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายและมีความเหมาะสมคุ้มค่ากับการลงทุน เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน นอกจากนี้ยังมีการกำหนดลักษณะโครงการตามแผนการจัดสรรงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการเพื่อใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาคัดเลือกโครงการที่จะเสนอขอตั้งงบประมาณให้เป็นโครงการที่อยู่ภายในกรอบภารกิจที่กำหนด และมีความพร้อมในการดำเนินงาน
5. มีการกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรกรอบวงเงิน 40,000 ล้านบาท ให้แก่จังหวัดต่าง ๆ เพื่อให้แต่ละจังหวัดได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 อย่างเป็นธรรมและเหมาะสมกับความจำเป็น โดยพิจารณา 3 ทางเลือก ดังนี้
ทางเลือกที่ 1 จัดสรรตามฐานประชากรของแต่ละจังหวัด ซึ่งมีข้อเสียทำให้งบประมาณสำหรับจังหวัดเล็ก ที่มีประชากรน้อย แตกต่างจากจังหวัดใหญ่ค่อนข้างมาก
ทางเลือกที่ 2 แบ่งการจัดสรรออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่ 1 ร้อยละ 50 ของวงเงินทั้งสิ้น จัดสรรให้เท่ากันทุกจังหวัด เพื่อเป็นตัวแปรที่กำหนดให้แต่ละจังหวัดมีงบประมาณสำหรับการปรับฐานการพัฒนาให้ใกล้เคียงกัน เนื่องจากปัจจุบันแต่ละจังหวัดได้รับการพัฒนาที่ไม่เท่าเทียมกันทำให้เกิดช่องว่างของการพัฒนาขึ้น ซึ่งตัวแปรดังกล่าวจะช่วยลดช่องว่างลงได้ ส่วนที่เหลืออีกร้อยะ 50 ของวงเงินทั้งสิ้น จัดสรรตามฐานประชากรของแต่ละจังหวัด เป็นหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการสนับสนุนระบบบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (กสจ.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้ให้ความเห็นชอบสำหรับจัดสรรงบประมาณปี 2548 สำหรับการบริหารงานของผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ (1,500 ล้านบาท) ซึ่งจังหวัดที่มีประชากรน้อยจะไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งมีประชากรแฝงเป็นจำนวนมาก
ทางเลือกที่ 3 แบ่งการจัดสรรออกเป็น 4 ส่วน คือส่วนที่ 1 ร้อยละ 40 ของวงเงินทั้งสิ้น จัดสรรให้เท่ากันทุกจังหวัด ส่วนที่ 2 ร้อยละ 40 ของวงเงินทั้งสิ้น จัดสรรตามฐานประชากรของแต่ละจังหวัด ส่วนที่ 3 ร้อยละ 15 ของวงเงินทั้งสิ้น จัดสรรผกผันตามรายได้ต่อหัวของประชากรในแต่ละจังหวัด ซึ่งเป็นตัวแปรเพื่อให้การจัดสรรงบประมาณสอดคล้องกับสภาพความรุนแรงของปัญหาความยากจนในแต่ละจังหวัด และส่วนที่ 4 ที่เหลืออีกร้อยละ 5 ของวงเงินทั้งสิ้น จัดสรรตามผลการจัดเก็บภาษีสรรพากรของแต่ละจังหวัด ซึ่งเป็นตัวแปรเพื่อสนับสนุนให้สภาพเศรษฐกิจของจังหวัดสามารถขับเคลื่อนได้ดีอย่งต่อเนื่อง
จากการวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียของแต่ละทางเลือกแล้ว พบว่าทางเลือกที่ 3 เป็นทางเลือกที่มีความ
เหมาะสมและเป็นธรรมที่สุด จึงเห็นสมควรกำหนดให้ทางเลือกที่ 3 เป็นหลักเกณฑ์การจัดสรรกรอบวงเงินให้แต่ละจังหวัด
6. มีการกำหนดปฏิทินและขั้นตอนการจัดทำงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการ โดยให้มีระยะเวลาที่สอดคล้องกับปฏิทินงบประมาณประจำปี 2549 ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว เพื่อให้การส่งคำขอตั้งงบประมาณจากจังหวัดให้แก่ส่วนราชการต่าง ๆ เป็นไปตามกำหนด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 21 ธันวาคม 2547--จบ--
พ.ศ. 2549 ตามที่สำนักงบประมาณเสนอแล้วมีมติเห็นชอบดังนี้
(1) แนวทางการจัดทำงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549
ตามข้อ 1-4
(2) หลักเกณฑ์การจัดสรรกรอบวงเงิน 40,000 ล้านบาท ให้แก่จังหวัดต่าง ๆ ตามทางเลือก
ที่ 3 ในข้อ 5
(3) ปฏิทินและขั้นตอนการจัดทำงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ 2549
ตามข้อ 6
ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายขยายระบบบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการให้ครอบคลุมทุกจังหวัด ตั้งแต่
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 เป็นต้นมานั้น สำนักงบประมาณได้สนับสนุนระบบบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการมาโดยตลอด แต่ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาพบว่าส่วนราชการต่าง ๆ ยังไม่ให้ความสำคัญกับการจัดสรรงบประมาณตามยุทธศาสตร์ การพัฒนาจังหวัดเท่าที่ควร เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านระยะเวลา และมีความสับสนในทางปฏิบัติ ดังนั้น เพื่อให้ทุกจังหวัดสามารถขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดอย่างเป็นรูปธรรม และให้ส่วนราชการและจังหวัดมีแนวทางการดำเนินงานในการจัดทำงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ดังนี้
1. มีการกำหนดสัดส่วนวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2549 สำหรับงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการ เพื่อให้มีกรอบวงเงินจำนวนหนึ่งไว้สำหรับรองรับโครงการที่คิดริเริ่มจากจังหวัด เพื่อให้มีกรอบวงเงินจำนวนหนึ่งไว้สำหรับรองรับโครงการที่คิดริเริ่มจากจังหวัดตามยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด ซึ่งเป็นการปรับกระบวบการจัดทำงบประมาณจากเดิมที่ให้ส่วนราชการเป็นผู้วางแผนและเสนอขอตั้งงบประมาณทั้งในภารกิจส่วนกลางและส่วนภูมิภาค มาเป็นการเปิดโอกาสให้จังหวัดมีส่วนร่วมในการเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อสนับสนุนให้จังหวัดมีบทบาทเสมือนหน่วยธุรกิจเชิงยุทธศาสตร์ (strategic Business Unit) อย่างแท้จริง ที่สามารถวินิจฉัยสถานการณ์ ปัญหา อุปสรรค และกำหนดแนวทางแก้ไข ตลอดจนดำเนินการต่าง ๆ ให้เป็นเป้าหมายของแผนงาน/โครงการที่กำหนดในระดับจังหวัด ซึ่งเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัดและยุทธศาสตร์ชาติ อันจะส่งผลให้นโยบายการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการประสบผลสำเร็จได้มากยิ่งขึ้น โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 เห็นควรกำหนดสัดส่วนวงเงินสำหรับงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการไว้ จำนวน 40,000 ล้านบาท การกำหนดวงเงิน จำนวน 40,000 ล้านบาท ดังกล่าวข้างต้น ประมาณการโดยใช้วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 ที่หัวหน้าส่วนราชการมอบอำนาจการบริหารงบประมาณให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด (ไม่รวมงบบุคลากรและงบเงินอุดหนุน) ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการ พ.ศ. 2546 มาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา ซึ่งสอดคล้องกับจำนวนเขตเลือกตั้ง 400 เขต เขตละ 100 ล้านบาท
2. การจัดสรรงบประมาณในปี 2549 ของจังหวัดแบบบูรณาการยังคงผ่านส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ โดยให้จังหวัดเสนอขอตั้งงบประมาณภายในกรอบวงเงินที่ได้รับจัดสรรไปยังส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งส่วนราชการ ต้องให้ความสำคัญกับโครงการตามยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัด/จังหวัดที่จังหวัดเสนอขอตั้งงบประมาณไป และบรรจุเป็นส่วนหนึ่งขอคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 โดยแยกรายการงบประมาณของแต่ละจังหวัดให้ชัดเจน
3. ให้จังหวัดเป็นผู้บูรณาการการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีของทุกหน่วยงานตามยุทธศาสตร์
การพัฒนากลุ่มจังหวัด/จังหวัด โดยมีการกำหนดโครงการให้ครอบคลุมทุกภารกิจและทุกภาคส่วนที่ดำเนินงานในจังหวัด และมีการจำแนกประเภทโครงการ หน่วยงานรับผิดชอบและแหล่งเงินไว้อย่างชัดเจน รวมทั้งประสานงานกับส่วนกลางเพื่อตรวจสอบความพร้อมของโครงการ และความสอดคล้องกับเป้าหมายของหน่วยงานและกระทรวง และพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่มีความพร้อมและสามารถดำเนินการได้ทันที
4. มีกลไกการพิจารณากลั่นกรองคำขอตั้งงบประมาณอย่างเป็นระบบในทุกขั้นตอน โดยใช้กลไกการทำงานของคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (กบจ.) และการทำงานร่วมกันระหว่างส่วนราชการ จังหวัด และสำนักงบประมาณ เพื่อให้คำขอตั้งงบประมาณจากจังหวัดได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายและมีความเหมาะสมคุ้มค่ากับการลงทุน เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน นอกจากนี้ยังมีการกำหนดลักษณะโครงการตามแผนการจัดสรรงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการเพื่อใช้เป็นแนวทางในการพิจารณาคัดเลือกโครงการที่จะเสนอขอตั้งงบประมาณให้เป็นโครงการที่อยู่ภายในกรอบภารกิจที่กำหนด และมีความพร้อมในการดำเนินงาน
5. มีการกำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรกรอบวงเงิน 40,000 ล้านบาท ให้แก่จังหวัดต่าง ๆ เพื่อให้แต่ละจังหวัดได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 อย่างเป็นธรรมและเหมาะสมกับความจำเป็น โดยพิจารณา 3 ทางเลือก ดังนี้
ทางเลือกที่ 1 จัดสรรตามฐานประชากรของแต่ละจังหวัด ซึ่งมีข้อเสียทำให้งบประมาณสำหรับจังหวัดเล็ก ที่มีประชากรน้อย แตกต่างจากจังหวัดใหญ่ค่อนข้างมาก
ทางเลือกที่ 2 แบ่งการจัดสรรออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่ 1 ร้อยละ 50 ของวงเงินทั้งสิ้น จัดสรรให้เท่ากันทุกจังหวัด เพื่อเป็นตัวแปรที่กำหนดให้แต่ละจังหวัดมีงบประมาณสำหรับการปรับฐานการพัฒนาให้ใกล้เคียงกัน เนื่องจากปัจจุบันแต่ละจังหวัดได้รับการพัฒนาที่ไม่เท่าเทียมกันทำให้เกิดช่องว่างของการพัฒนาขึ้น ซึ่งตัวแปรดังกล่าวจะช่วยลดช่องว่างลงได้ ส่วนที่เหลืออีกร้อยะ 50 ของวงเงินทั้งสิ้น จัดสรรตามฐานประชากรของแต่ละจังหวัด เป็นหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการสนับสนุนระบบบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (กสจ.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานได้ให้ความเห็นชอบสำหรับจัดสรรงบประมาณปี 2548 สำหรับการบริหารงานของผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ (1,500 ล้านบาท) ซึ่งจังหวัดที่มีประชากรน้อยจะไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งมีประชากรแฝงเป็นจำนวนมาก
ทางเลือกที่ 3 แบ่งการจัดสรรออกเป็น 4 ส่วน คือส่วนที่ 1 ร้อยละ 40 ของวงเงินทั้งสิ้น จัดสรรให้เท่ากันทุกจังหวัด ส่วนที่ 2 ร้อยละ 40 ของวงเงินทั้งสิ้น จัดสรรตามฐานประชากรของแต่ละจังหวัด ส่วนที่ 3 ร้อยละ 15 ของวงเงินทั้งสิ้น จัดสรรผกผันตามรายได้ต่อหัวของประชากรในแต่ละจังหวัด ซึ่งเป็นตัวแปรเพื่อให้การจัดสรรงบประมาณสอดคล้องกับสภาพความรุนแรงของปัญหาความยากจนในแต่ละจังหวัด และส่วนที่ 4 ที่เหลืออีกร้อยละ 5 ของวงเงินทั้งสิ้น จัดสรรตามผลการจัดเก็บภาษีสรรพากรของแต่ละจังหวัด ซึ่งเป็นตัวแปรเพื่อสนับสนุนให้สภาพเศรษฐกิจของจังหวัดสามารถขับเคลื่อนได้ดีอย่งต่อเนื่อง
จากการวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียของแต่ละทางเลือกแล้ว พบว่าทางเลือกที่ 3 เป็นทางเลือกที่มีความ
เหมาะสมและเป็นธรรมที่สุด จึงเห็นสมควรกำหนดให้ทางเลือกที่ 3 เป็นหลักเกณฑ์การจัดสรรกรอบวงเงินให้แต่ละจังหวัด
6. มีการกำหนดปฏิทินและขั้นตอนการจัดทำงบประมาณจังหวัดแบบบูรณาการ โดยให้มีระยะเวลาที่สอดคล้องกับปฏิทินงบประมาณประจำปี 2549 ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว เพื่อให้การส่งคำขอตั้งงบประมาณจากจังหวัดให้แก่ส่วนราชการต่าง ๆ เป็นไปตามกำหนด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 21 ธันวาคม 2547--จบ--