คณะรัฐมนตรีรับทราบแผนเตรียมรับสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร ประจำปีงบประมาณ 2553 (ฉบับปรับปรุง) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
สาระสำคัญของเรื่อง
1. ความเป็นมา
คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2552 รับทราบแผนเตรียมรับสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร ประจำปีงบประมาณ 2553 เพื่อเป็นแนวทางการดำเนินการป้องกันและลดผลกระทบจากปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการเตรียมรับสถานการณ์ป้องกันและบรรเทาความเสียหายจากปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร และให้การช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัย เป็นไปอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และในแผนดังกล่าวได้กำหนดให้มีการพิจารณาทบทวนแผนเป็นประจำทุก 6 เดือน เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา
2. การดำเนินงาน
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินการตามแผนดังกล่าวมาระยะหนึ่งแล้ว ขณะนี้ถึงกำหนดเวลาปรับปรุงแผนเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยได้ปรับปรุงเนื้อหาใน 2 ส่วนหลัก คือ โครงสร้างการบริหารจัดการภัยพิบัติด้านการเกษตร และการเตรียมรับสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร ระยะที่ 2 (ช่วงเดือนเมษายน-กันยายน 2553) ซึ่งแผนเตรียมรับสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร ประจำปีงบประมาณ 2553 (ฉบับปรับปรุง) ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรแล้วเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2553 สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
2.1 การบริหารจัดการภัยพิบัติด้านการเกษตร
2.1.1 โครงสร้างการบริหารจัดการภัยพิบัติด้านการเกษตร ระดับนโยบาย ประกอบด้วย คณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน คณะอนุกรรมการวางแผน และติดตามการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติ ด้านการเกษตร ซึ่งมีปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน โดยมีคณะทำงาน 2 ชุด คือ คณะทำงานวางแผนเตรียมรับสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร และคณะทำงานวางแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ระดับปฏิบัติการ ประกอบด้วย ศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตรในส่วนกลาง และระดับจังหวัด
2.1.2 แนวทางการบริหารจัดการภัยพิบัติด้านการเกษตร แบ่งการดำเนินการเป็น 3 ระยะ คือ
- ก่อนเกิดภัย ประกอบด้วย การวิเคราะห์และจัดทำข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัย การเฝ้าระวังและแจ้งเตือนภัย การเตรียมความพร้อมของหน่วยงาน การประชาสัมพันธ์ และให้คำแนะนำทางวิชาการ ด้านพืช ประมง และปศุสัตว์
- ขณะเกิดภัย ประกอบด้วย การติดตามสถานการณ์และแจ้งเตือนภัย การประเมินความเสียหายและการรายงาน การให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น
- หลังเกิดภัย ประกอบด้วย การสำรวจความเสียหาย การให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนโดยใช้เงินทดรองราชการและเงินงบกลาง การฟื้นฟูพื้นที่การเกษตรและอาชีพเกษตรกรรม
2.2 การเตรียมรับสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร ระยะที่ 2 (ช่วงเดือนเมษายน-กันยายน 2553) ประกอบด้วย
2.2.1 สรุปสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร ระยะที่ 1 (ช่วงเดือนตุลาคม 2552-มีนาคม 2553)
2.2.2 สถานการณ์ทั่วไป ระยะที่ 2 (ช่วงเดือนเมษายน-กันยายน 2553) ได้แก่ สภาพภูมิอากาศ สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ การพยากรณ์ด้านการผลิต
2.2.3 สภาพปัญหา ระยะที่ 2 (ช่วงเดือนเมษายน—กันยายน 2553) แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
(1) ปัญหาจากภัยแล้ง/ฝนทิ้งช่วง ได้วิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงภัย พร้อมทั้งกำหนดมาตรการในการป้องกันและช่วยเหลือผู้ประสบภัยดังกล่าว ได้แก่ การปฏิบัติการฝนหลวง การติดตามและประเมินสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับแผนการระบายน้ำให้เหมาะสมกับสถานการณ์ การประกาศขอให้เลื่อนการทำนาปีในเขตโครงการชลประทานทุกโครงการที่รับน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ในภาคเหนือตอนล่างและในเขตโครงการชลประทานเจ้าพระยาใหญ่ รวมทั้งจัดเตรียมเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่และรถบรรทุกน้ำ เพื่อให้การช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัย
(2) ปัญหาจากอุทกภัย ได้วิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงภัย พร้อมทั้งกำหนดมาตรการในการป้องกันและช่วยเหลือผู้ประสบภัยดังกล่าว ได้แก่ การก่อสร้างปรับปรุงแหล่งน้ำเพื่อป้องกันและบรรเทา อุทกภัย การใช้ระบบโทรมาตรเพื่อการพยากรณ์น้ำและแจ้งเตือนภัย การบริหารน้ำในอ่างเก็บน้ำโดยใช้ ROS การจัดทำแผนที่เสี่ยงภัย นอกจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ดังนี้ 1) วางแผนการจัดสรรน้ำ 2) วางแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำต่างๆ 3) การสำรองเสบียงอาหาร สัตว์และปัจจัยการผลิต 4) เตรียมแผนการอพยพสัตว์ 5) เตรียมความพร้อมยานพาหนะ เครื่องสูบน้ำ เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 15 มิถุนายน 2553--จบ--