สำนักงานสำมะโนครัวประชากรของสหรัฐคาดประชากรวัยสูงอายุอาจเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าราว 40 ปีข้างหน้า หลังจากปี 2543 เป็นต้นมาสัดส่วนของประชากรกลุ่มดังกล่าวทะยานขึ้นแล้ว 23% แตะที่ 516 ล้านคน ขณะเยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น และโมนาโคติดอันดับประเทศที่มีประชากรวัยสูงอายุมากที่สุดในโลกถึง 20%
จำนวนประชากรทั่วโลกปรับตัวลดลงมาเป็นเวลาหลายปี เนื่องจากอัตราการเกิดที่ลดลงประกอบกับความก้าวหน้าด้านวิทยาการทางการแพทย์ที่ช่วยให้ผู้คนมีชีวิตที่ยาวนานขึ้น ดังนั้นกลุ่มผู้สูงอายุที่ขณะนี้มีอยู่ไม่ถึง 8% ของประชากร 6.8 พันล้านคนทั่วโลกกลับเป็นกลุ่มที่ขยายตัวขึ้นเร็วที่สุดเมื่อเทียบกับประชากรวัยอื่นๆ
ด้านนักประชากรศาสตร์เตือนว่า ในอนาคตทั่วโลกจะเผชิญกับอัตราการพุ่งขึ้นสูงสุดของกลุ่มผู้สูงอายุเมื่อถึงช่วงการเกษียณอายุของกลุ่มคนยุคเบบี้บูมเมอร์และกลุ่มพลังมวลชนยุคปฏิวัติจีนที่เรียกตนเองว่า Red Guard ซึ่งจะทำให้เม็ดเงินในกองทุนบำนาญลดลงและทำให้รัฐบาลมีต้นทุนในการดูแลสุขภาพคนกลุ่มนี้มากขึ้น
ในสหรัฐนั้น ปัจจุบันมีประชากรวัยสูงอายุ 13% ของประชากรทั้งประเทศ แต่ตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นแตะที่ 88.5 ล้านคนในปี 2593 ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า สหรัฐและทั่วโลกจะต้องเผชิญอุปสรรคในการใช้มาตรการช่วยเหลือกลุ่มผู้สูงอายุมากขึ้น
ขณะที่เสือเศรษฐกิจตัวใหม่อย่างจีนจะเผชิญกับวิกฤตประชากรวัยสูงอายุเช่นกัน ซึ่งคาดว่าในปี 2568 สัดส่วนผู้สูงอายุในจีนจะเพิ่มขึ้น 2 เท่า ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นในระดับเดิมอีกครั้งช่วงกลางศตวรรษปัจจุบัน จากการใช้นโยบายลูกคนเดียวของทางการจีน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ผู้สูงอายุชาวจีนหลายล้านคนจะเผชิญกับความยากจนจนทำให้เกิดปัญหาสังคมและปัญหาทางการเมืองสืบเนื่องจากประเทศไม่มีระบบอุดหนุนเงินบำนาญที่ครอบคลุมถึงกลุ่มผู้สูงอายุ
ริชาร์ด แจคสัน ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์กลยุทธ์และการศึกษาระหว่างประเทศในกรุงวอชิงตันกล่าวกับเอพีว่า "กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วจะเผชิญกับยุคของวิกฤตการเงินในปี 2563 ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาเป็นเวลานานรวมถึงการต่อสู้ทางการเมืองเรื่องสวัสดิการสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ "
ทั้งนี้ สำนักงานสำมะโนครัวได้จัดทำคาดการณ์แนวโน้มประชากรทั่วโลกในแต่ละปีซึ่งพิจารณาข้อมูลด้านอัตราการเกิด การเสียชีวิต และการคาดการณ์อายุขัยของประชากร