นีลเซ่น บริษัทวิจัยตลาดระหว่างประเทศ รายงานว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคจีนในช่วงไตรมาสแรกขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2548
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในจีนอยู่ที่ระดับ 110 ในไตรมาสแรก เพิ่มขึ้นจากระดับ 108 ในไตรมาสก่อนหน้า และสูงสุดเป็นอันดับ 4 จากทั้งหมด 56 ประเทศและภูมิภาคที่นีลเซ่นทำการสำรวจ ขณะที่อันดับ 1 ตกเป็นของอินเดีย
นายหยาง ซูอาน ประธานนีลเซ่นประจำจีนแผ่นดินใหญ่ แถลงข่าวว่า ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจโลกที่มีความซับซ้อน ดัชนีหลักๆที่ชี้วัดสภาพเศรษฐกิจจีนยังคงอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล การที่รัฐบาลพยายามช่วยเหลือธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมด้วยสินเชื่อจากธนาคาร รวมถึงกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และบรรเทาความร้อนแรงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ช่วยทำให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นมากขึ้น
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในชนบทก็ปรับตัวสูงขึ้น และเป็นอีกครั้งที่สูงกว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเมือง ซึ่งนายหยางกล่าวว่าเป็นเพราะนโยบายต่างๆของรัฐบาล ซึ่งรวมถึงการเพิ่มเงินบำนาญให้กับชาวชนบท และการเพิ่มงบประมาณสำหรับชนบท
ด้านดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขยายตัวช้าลงที่ระดับ 3.8% ในไตรมาสแรกของปีนี้ เทียบกับ 5.4% ในปี 2554
อย่างไรก็ดี ชาวจีนยังคงมีพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินเหมือนเดิม โดยจากการสำรวจพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามราว 59% จะนำเงินไปฝากธนาคาร และ 49% จะนำเงินไปใช้จ่ายเรื่องการเล่าเรียนของบุตรหลาน
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของนีลเซ่นซึ่งมีการเปิดเผยทุกไตรมาส ได้ข้อมูลมาจากการสำรวจความเห็นผู้บริโภค 3,500 คนทั้งในเมืองและในชนบท โดยตัวเลขที่สูงกว่า 100 ถือว่าผู้บริโภคมีทัศนคติแง่บวก แต่ถ้าต่ำกว่า 100 ถือว่ามีทัศนคติในแง่ลบ สำนักข่าวซินหัวรายงาน