เรียลตี้แทรค อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยชื่อดังในด้านอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า บ้านที่ถูกยึดเนื่องจากการบังคับจำนอง ซึ่งรวมถึงบ้านที่ถูกยึดตามคำสั่งศาล มีจำนวนอยู่ที่ 188,780 หลังในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2550 โดยลดลง 5% จากเดือนมี.ค. และลดลง 14% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
นายแบรนดอน มัวร์ ผู้บริหารของเรียลตี้แทรคกล่าวว่า การปรับตัวลงของตัวเลขดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่จำนวนบ้านถูกยึดในบางรัฐที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตตลาดที่อยู่อาศัยนั้น ปรับตัวลดลง ซึ่งรวมถึงรัฐแคลิฟอร์เนีย แอริโซนา และเนวาดา
นอกจากนี้ รายงานของเรียลตี้แทรคระบุว่า จำนวนบ้านที่เข้าสู่กระบวนการถูกยึดในเดือนเม.ย. ปรับตัวลดลง 4% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน หรือ ลดลง 2% เมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว ส่วนจำนวนบ้านที่ถูกธนาคารยึด ปรับตัวลดลง 7% จากเดือนมี.ค.
การลดลงของจำนวนบ้านที่ถูกยึดสะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ โดยเมื่อวานนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แตะที่ระดับ 717,000 ยูนิตในเดือนเมษายน และเพิ่มขึ้นถึง 29.9% เมื่อเทียบกับเดือนเมษายนปีที่แล้ว ขณะที่ตัวเลขเริ่มสร้างบ้านเดือนมีนาคมมีการปรับทบทวนเพิ่มเป็น 699,000 ยูนิต จากเดิมที่รายงานว่ามี 654,000 ยูนิต
ส่วนการอนุญาตก่อสร้างเดือนมีนาคมถูกปรับทบทวนเป็น 769,000 ยูนิต ซึ่งสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2551 หรือในรอบกว่า 3 ปีครึ่ง