สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) กำลังพิจารณาที่จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในการประชุมวันอังคารหน้า เนื่องจากวิตกว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะหยุดชะงัก ซึ่งจะส่งผลให้ญี่ปุ่นไม่สามารถหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืดซึ่งเป็นปัญหาที่เรื้อรังมานานได้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและราคา โดยมีแนวโน้มว่าจะเน้นไปที่การขยายขนาดของโครงการซื้อสินทรัพย์อีก 10 ล้านล้านเยน เป็นวงเงินรวม 90 ล้านล้านเยน
การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ตลอดจนผลกระทบจากความสัมพันธ์ที่ร้าวฉานระหว่างจีนและญี่ปุ่นอันเนื่องมาจากกรณีพิพาทเรื่องหมู่เกาะเซนกากุ หรือ เตียวหยู กำลังเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น
แหล่งข่าวกล่าวว่า นอกจากการขยายโครงการซื้อสินทรัพย์แล้ว คาดว่าที่ประชุมยังจะหารือถึงการซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงกว่า เช่น กองทุน ETF หรือกองทุนเปิดที่จดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ด้วย
หากบีโอเจตัดสินใจผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมในการประชุมสัปดาห์หน้า ก็จะถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.และพ.ค.2546 ที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นดำเนินการดังกล่าวเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน นอกจากนี้ ยังจะเป็นครั้งแรกสำหรับนายมาซาอากิ ชิรากาว่า ผู้ว่าบีโอเจซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 2551 ด้วยเช่นกันที่จะใช้มาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติมเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน
ในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจ ซึ่งบีโอเจจัดทำขึ้นปีละ 2 ครั้งและจะมีการเผยแพร่ในวันอังคารหน้านั้น ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะเผยการคาดการณ์ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน หรือ Core CPI ซึ่งไม่รวมราคาอาหารสด ในปีงบประมาณซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนเม.ย. 2557 เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นที่คาดกันว่าบีโอเจจะประเมินว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของญี่ปุ่นจะอยู่ในช่วง 0.5% ซึ่งต่ำกว่าที่ธนาคารตั้งเป้าไว้ว่า CPI จะต้องเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบรายปี
ในการประชุมเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา บีโอเจมีมติขยายโครงการซื้อสินทรัพย์อีก 10 ล้านล้านเยน ซึ่งทำให้วงเงินรวมของโครงการเพิ่มขึ้นเป็น 80 ล้านล้านเยน โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ แต่ธนาคารไม่ได้ตัดสินใจเพิ่มการซื้อสินทรัพย์เสี่ยงในการประชุมเดือนที่แล้ว ขณะที่ในการประชุมเมื่อวันที่ 4 และ 5 ต.ค. ธนาคารได้ระงับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
การประชุมในวันอังคารที่จะถึงนี้มีขึ้นในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจทั่วโลกยังคงเผชิญกับภาวะซบเซาอันเนื่องมาจากวิกฤตหนี้สาธารณะยูโรโซน ขณะที่ความสัมพันธ์ที่เลวร้ายลงระหว่างญี่ปุ่นและจีนได้เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นอย่างเห็นได้ชัดเจน นั่นคือการส่งออกและการผลิตที่ร่วงลง