กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดรับฟังความเห็น Startup แก้อุปสรรคเข้าถึงแหล่งทุน-เอกชนเสนอปรับกม.ใช้หุ้นระดมทุน

ข่าวเศรษฐกิจ Friday July 14, 2017 10:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กรมฯ ได้จัดประชุมหาแนวทางปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คณะทำงานเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น สมาคมการค้าเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการเทคโนโลยีรายใหม่ (Thailand Tech Startup Association) และสมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน (Thai Venture Capital Association) โดยมีประเด็นหารือถึงแนวทางในการระดมทุนเพื่อส่งเสริมธุรกิจในกลุ่ม Startup เนื่องจากธุรกิจ Startup ในประเทศไทยยังไม่สามารถเติบโตได้เท่าที่ควร เพราะประสบปัญหาเรื่องของการเข้าถึงแหล่งเงินทุน รวมถึงเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงในระยะแรกเริ่มกิจการจึงทำให้สถาบันการเงินมักจะไม่ปล่อยสินเชื่อให้ ซึ่งประเด็นนี้ส่งผลให้ Startup ไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนได้จึงเป็นเหตุให้ผู้ประกอบธุรกิจบางรายไม่สามารถดำเนินธุรกิจจนประสบความสำเร็จได้

"เพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยหาทางแก้ไขปัญหาเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนเริ่มธุรกิจ โดยกลุ่ม Startup ได้เสนอ 4 แนวทางปรับกฎหมายพาณิชย์ โดยใช้หุ้นของบริษัทเป็นช่องทางสร้างเงินทุน กรมฯ รับลูกพร้อมแจงการปรับกฎหมายต้องพิจารณาผลกระทบรอบด้านอาจต้องใช้เวลา เสี่ยงไม่ทันต่อการโตของธุรกิจ เสนอออกประกาศภายใต้อำนาจของ ก.ล.ต. สามารถทำได้ทันทีไม่ต้องรอ" น.ส.บรรจงจิตต์ กล่าว

โดยการประชุมหารือดังกล่าว คณะทำงานเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นได้ยื่นข้อเสนอแนะให้กับที่ประชุมเพื่อขอแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ใน 4 ประเด็นคือ 1) การออกหุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible bond) กล่าวคือการเปลี่ยนจากสภาพหนี้ให้กลายเป็นหุ้นแก่เจ้าหนี้การค้า 2) การเปลี่ยนแปลงบุริมสิทธิในหุ้น (Preferred Shares) 3) การทยอยให้หุ้น (vesting) หรือสิทธิที่จะซื้อหุ้นได้ในราคาที่กำหนด และ 4) การออกหุ้นให้พนักงานหรือกรรมการ (ESOP) โดยเป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ที่ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

อย่างไรก็ดี กรมฯ ได้จัดรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และร่วมหาแนวทางเพื่อปรับปรุงกฎหมาย ให้สอดรับกับภาคธุรกิจในปัจจุบันจากผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยอาจเป็นไปได้ใน 2 แนวทางคือ แนวทางที่ 1 ก.ล.ต. สามารถออกเป็นประกาศภายใต้คณะกรรมการกำกับตลาดทุนได้ทันที และแนวทางที่ 2 การแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อย่างไรก็ดี การแก้ไขกฎหมายนั้นจะต้องใช้ความละเอียดรอบคอบพิจารณาถึงผลกระทบด้านต่างๆ ประกอบกับมีขั้นตอนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วน จึงอาจทำให้ต้องใช้ระยะเวลาดำเนินการนานกว่าเพราะต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้วส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาก่อนส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ