ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันพุธ (16 ก.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลังมีรายงานข่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ มีแผนที่จะปลดเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ขณะที่นักลงทุนรอการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานของอังกฤษในช่วงปลายสัปดาห์นี้
ก่อนตลาดหุ้นอังกฤษปิดทำการไม่กี่นาที บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะปลด เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เร็ว ๆ นี้ ซึ่งส่งผลกดดันตลาดวอลล์สตรีทและค่าเงินดอลลาร์ พร้อมดันผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ให้พุ่งสูงขึ้น แต่ทรัมป์ออกมาระบุภายหลังว่าไม่ได้มีแผนการดังกล่าว
ข้อมูลบ่งชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อจากดัชนีราคาผู้บริโภครายปีของสหราชอาณาจักรปรับตัวขึ้นอย่างไม่คาดคิด สู่ระดับสูงสุดในรอบกว่าหนึ่งปีที่ 3.6% ในเดือนมิ.ย.
ตลาดจับตาตัวเลขการจ้างงานและค่าจ้างที่จะประกาศในวันพฤหัสบดีเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE)
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า ตลาดให้ความสำคัญกับตลาดแรงงานมากกว่า เนื่องจากเจ้าหน้าที่ BoE แสดงความเห็นเมื่อไม่นานมานี้ว่ากังวลต่อความอ่อนแอในตลาดแรงงานมากกว่าการเร่งตัวขึ้นของเงินเฟ้อ ซึ่งมองว่าเป็นเพียงชั่วคราว
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนส.ค. หลังข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดเพิ่มความกังวลต่อการเติบโตในประเทศที่อ่อนแอและตลาดแรงงานที่ชะลอตัว แต่โอกาสดังกล่าวลดลงหลังจากการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อในวันพุธ
หุ้นริโอ ทินโต (Rio Tinto) เพิ่มขึ้น 1.2% สวนทางตลาด หลังบริษัทเหมืองรายใหญ่รายงานการผลิตแร่เหล็กในไตรมาส 2 แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2561
หุ้นแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ลดลง 0.5% หลังยาทดลอง anselamimab ของบริษัทไม่สามารถบรรลุเป้าหมายหลักในการทดลองระยะสุดท้ายสำหรับการรักษาโรค AL amyloidosis ซึ่งเป็นภาวะหายากที่เกิดจากการสะสมของโปรตีนในร่างกาย