ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า
ณ เวลา 21.22 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 44,482.78 จุด บวก 140.59 จุด หรือ 0.32%
บริษัทอัลฟาเบท อิงค์ และเทสลา อิงค์ ซึ่งเป็น 2 บริษัทในกลุ่ม Magnificent Seven จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า 7 บริษัทในกลุ่ม Magnificent Seven จะมีการขยายตัวของผลกำไรในไตรมาส 2/2568 สูงถึง 14% ขณะที่บริษัท 493 แห่งในดัชนี S&P 500 จะมีการขยายตัวของผลกำไรเพียง 3.4%
นายโฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐ กล่าวว่า วันที่ 1 ส.ค. ถือเป็นกำหนดเส้นตายสำหรับประเทศต่าง ๆ ที่จะต้องเริ่มชำระภาษีศุลกากรให้กับสหรัฐ
"นี่เป็นเส้นตายที่ชัดเจน ดังนั้น ในวันที่ 1 ส.ค. อัตราภาษีใหม่จะมีผลบังคับใช้" นายลุตนิกกล่าวอย่างไรก็ดี นายลุตนิกกล่าวเสริมว่า "ไม่มีอะไรที่จะมาหยุดยั้งประเทศเหล่านี้จากการเจรจากับเราหลังวันที่ 1 ส.ค. แต่พวกเขาจะต้องเริ่มจ่ายภาษีตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค."
นายลุตนิกยังระบุว่า ประเทศขนาดเล็ก เช่น ประเทศลาตินอเมริกา ประเทศในแถบแคริบเบียน และอีกหลายประเทศในแอฟริกา จะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราขั้นต่ำ 10% ส่วนประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่จะต้องเลือกว่าจะเปิดตลาดของตนเอง หรือจะยอมจ่ายภาษีที่เป็นธรรมให้กับสหรัฐ
นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมทบทวนแบบบูรณาการเกี่ยวกับกรอบเงินกองทุนสำหรับธนาคารขนาดใหญ่ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี
ทั้งนี้ นายพาวเวลจะกล่าวสุนทรพจน์ในวันพรุ่งนี้ (22 ก.ค.) เวลา 08.30 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 19.30 น.ตามเวลาไทย
อย่างไรก็ดี คาดว่าถ้อยแถลงของนายพาวเวลจะไม่มีการกล่าวถึงนโยบายการเงินของเฟด เนื่องจากเฟดเริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 29-30 ก.ค.
กฎระเบียบของเฟดได้ระบุห้ามเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นหรือให้สัมภาษณ์ในช่วง Blackout Period เกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่สองก่อนที่การประชุม FOMC จะเริ่มขึ้น และสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีหลังการประชุม FOMC เพื่อป้องกันไม่ให้สาธารณชนตีความว่าเป็นการบ่งชี้การดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมนโยบายการเงินที่จะมาถึง
นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กดดันอย่างหนักให้นายพาวเวลปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปีนี้ โดยจะเกิดขึ้นในเดือนกันยายน และธันวาคม
ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 95.3% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 29-30 ก.ค.
FedWatch Tool ยังบ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนก.ย. และปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนธ.ค.