ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันพุธ (8 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มการเงินขนาดใหญ่ ขณะที่หุ้นเหมืองทองปรับตัวขึ้น หลังราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,548.87 จุด เพิ่มขึ้น 65.29 จุด หรือ +0.69%
ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น 1.9% โดยหุ้น Lloyds Banking Group พุ่งขึ้น 3.7% หลังจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านบริการการเงินของลอนดอนเสนอวงเงินชดเชยความเสียหายจากกรณีขายผลิตภัณฑ์ไฟแนนซ์รถยนต์เกินจริงในระดับที่ต่ำกว่าที่ตลาดกังวล
บรรยากาศเชิงบวกดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นธนาคารรายอื่น ๆ ด้วย โดยหุ้น Barclays เพิ่มขึ้น 1.1% และ HSBC ปรับตัวขึ้น 1.5% หลัง Morgan Stanley ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของหุ้น ขณะที่ Close Brothers ธนาคารพาณิชย์เพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พุ่งขึ้น 5.4%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่าทำผลงานได้โดดเด่น หลังราคาทองคำทะยานทะลุระดับ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นครั้งแรก โดยหุ้น Endeavour Mining และหุ้น Fresnillo พุ่งขึ้น 2.7% และ 3% ตามลำดับ
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 1.7% ตามการปรับตัวของราคาทองแดง แต่หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เป็นแรงกดดันต่อตลาด โดยลดลง 1.9%
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ปรับตัวขึ้น 0.6% ขณะที่หุ้น AstraZeneca ปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลง
สำหรับหุ้นรายตัวอื่น ๆ นั้น หุ้น Unite Group ร่วงลง 10.8% แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปี หลังผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่พักนักศึกษารายนี้ระบุว่า อัตราการเติบโตของค่าเช่าช่วงสิ้นไตรมาส 3 อยู่ที่ 4% เมื่อเทียบกับ 8.2% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
หุ้น Vertu Motors ร่วง 2% หลังเตือนว่าผลกำไรประจำปีอาจได้รับผลกระทบจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่บริษัท Jaguar Land Rover ซึ่งเป็นเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ที่ Vertu ดำเนินการอยู่
บรรดานักลงทุนยังคงติดตามความคืบหน้าด้านการค้า หลังนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษเริ่มการเยือนอินเดียเป็นเวลา 2 วัน โดยเขากล่าวว่า ต้องการให้ข้อตกลงทางการค้ากับอินเดียซึ่งลงนามเมื่อเดือนก.ค. เริ่มมีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้