ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อเก็งกำไร หลังจากที่ตลาดทรุดตัวลงอย่างหนักวานนี้
ณ เวลา 20.45 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,653.01 จุด บวก 34.13 จุด หรือ 0.1%
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นนำตลาด สอดคล้องกับราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นในตลาดโลก
นอกจากนี้ ตลาดได้แรงหนุนจากการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หลังจากพุ่งขึ้นก่อนหน้านี้ ขานรับคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงเกือบ 400 จุดวานนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ หลังมีการเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่ที่ต่ำกว่าคาด ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทถูกกดดันจากการที่นักลงทุนวิตกว่าการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย
นักลงทุนจับตาความคืบหน้าของสภาคองเกรสในการผ่านร่างงบประมาณชั่วคราว ซึ่งหากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงภายในวันที่ 30 ก.ย. ก็จะทำให้มีการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐ หรือชัตดาวน์ในวันที่ 1 ต.ค.
ขณะเดียวกัน ตลาดจับตาดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.5% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 3.3% ในเดือนก.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.5% ในเดือนส.ค. จากระดับ 0.2% ในเดือนก.ค.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน คาดว่าปรับตัวขึ้น 3.9% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 4.2% ในเดือนก.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.2% จากระดับ 0.2% เช่นกันในเดือนก.ค.