นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค (JPMorgan Chase & Co.) คาดการณ์ว่า แนวโน้มขาขึ้นของดัชนี S&P 500 อาจถูกกดดันจากการที่สหรัฐฯ เผชิญกับภาวะเงินเฟ้อสูงแต่เศรษฐกิจกลับชะลอตัว หรือที่เรียกว่า Stagflation
แม้ในเดือนพ.ค.ที่เพิ่งผ่านมา ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นประมาณ 6.2% ขณะที่ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 9.6% แต่ความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ค้าโลกที่ยังคงไม่แน่นอน และยอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ ที่พุ่งสูง ได้กลับมาเป็นปัจจัยกดดันตลาดอีกครั้ง
นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกนเตือนว่า ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ Stagflation ประกอบกับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับคู่ค้าหลัก ๆ จะสกัดขาขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
"สถานการณ์ภาษีศุลกากรในปัจจุบันแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเริ่มต้นปี" นักวิเคราะห์เจพีมอร์แกนระบุในบทวิเคราะห์
เจพีมอร์แกนแนะนำให้ลงทุนในหุ้นต่างประเทศมากกว่าหุ้นสหรัฐฯ เนื่องจากมองว่า ราคาหุ้นสหรัฐฯ อยู่ในระดับสูง พร้อมให้น้ำหนักกับตลาดเกิดใหม่และหุ้นเทคโนโลยีจีน ในขณะที่โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) มองว่า ปัจจุบันดัชนี S&P 500 ซื้อขายในราคาที่ใกล้เคียงกับมูลค่าที่เหมาะสม พร้อมคาดการณ์ว่า การประเมินมูลค่าจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนักในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ส่วนมอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) ยังคงมุมมองบวกต่อผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ