ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นเทียบเยน ขานรับความหวังที่ว่า สหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าก่อนเส้นตายวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งสหรัฐมีกำหนดเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่ต่อสินค้าจีน
ณ เวลา 23.09 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์แข็งค่า 0.68% สู่ระดับ 109.28 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวขึ้น 0.58% สู่ระดับ 121.48 เยน และอ่อนค่า 0.08% สู่ระดับ 1.1119 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.32% สู่ระดับ 97.39
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ระบุว่า สหรัฐใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน ขณะที่ใกล้เส้นตายในวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่ต่อสินค้าจีน
"เรากำลังใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงครั้งใหญ่กับจีน พวกเขาต้องการทำข้อตกลง เช่นเดียวกับเรา" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความดังกล่าว ก่อนที่เขาจะประชุมกับบรรดาที่ปรึกษาการค้าระดับสูงในวันนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการเรียกเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.56 แสนล้านดอลลาร์ที่มีกำหนดในวันที่ 15 ธ.ค.
เจ้าหน้าที่การค้าที่จะเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวมีทั้งสายเหยี่ยว ซึ่งจะสนับสนุนให้ปธน.ทรัมป์เดินหน้าจัดเก็บภาษีต่อสินค้าจีน โดยอ้างว่าการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐและผู้บริโภคแต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่ดังกล่าวได้แก่ นายปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาว ส่วนเจ้าหน้าที่สายพิราบ ซึ่งจะแนะนำให้ปธน.ทรัมป์หลีกเลี่ยงการเก็บภาษีต่อสินค้าจีน ได้แก่ นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ, นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ รวมทั้งนายแลร์รี คุดโลว์ หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว
นายนาวาร์โรระบุว่า การที่จีนเพิ่มการซื้อถั่วเหลืองและเนื้อสุกรจากสหรัฐในระยะนี้ มีสาเหตุเพียงเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนภายในประเทศ ขณะที่จีนกำลังประสบกับปัญหาโรคไข้หวัดหมู และการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าจีนจะไม่กระทบตลาดหุ้น และเศรษฐกิจสหรัฐ
"สิ่งที่เขาจะกล่าวก็คือการขึ้นภาษีจะไม่เจ็บปวด มีคนบอกว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในช่วง 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา จะทำให้ฟ้าถล่มทลาย แต่ตอนนี้เราก็ไม่เห็นฟ้าถล่มทลายแต่อย่างใด" แหล่งข่าวกล่าว
ทางด้านนายเดเรค ซิสเซอร์ส ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนจากสถาบันวิสาหกิจสหรัฐ (AEI) ซึ่งให้คำปรึกษาต่อเจ้าหน้าที่ในทำเนียบขาว กล่าวว่า เขาเชื่อว่าผลการประชุมในวันนี้ที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือ ปธน.ทรัมป์จะตัดสินใจชะลอการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนออกไปอีก 90 วัน จากเดิมที่สหรัฐมีกำหนดเรียกเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.56 แสนล้านดอลลาร์ในวันที่ 15 ธ.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเลือกตั้งในอังกฤษ โดยชาวอังกฤษได้เข้าคูหาเลือกตั้งในวันนี้ ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
การลงคะแนนเลือกตั้งจะดำเนินไปจนกระทั่งปิดคูหาเลือกตั้งเวลา 22.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 05.00 น.ของเช้าวันศุกร์ตามเวลาไทย ซึ่งหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่จะเริ่มมีการนับคะแนนเลือกตั้ง ขณะที่บรรดาสำนักวิจัยต่างๆจะเริ่มเปิดเผยผลสำรวจเอ็กซิทโพลล์ ซึ่งจะบ่งชี้พรรคที่จะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้
ตลาดการเงินต่างจับตาผลการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ปอนด์จะดีดตัวขึ้น หากพรรคอนุรักษ์นิยมคว้าชัยชนะ แต่ปอนด์จะทรุดตัวลง โดยอาจดิ่งลงแตะ 1.24 ดอลลาร์ หากพรรคแรงงานคว้าชัยชนะ
ผลการสำรวจของแทบทุกสำนักก่อนหน้านี้ ต่างบ่งชี้ว่าพรรคอนุรักษ์นิยมของนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะคว้าชัยชนะเหนือพรรคแรงงาน แต่พรรคอนุรักษ์นิยมอาจจะต้องหาพรรคพันธมิตรในการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ และมีคะแนนเสียงที่มากเพียงพอในรัฐสภา
หากพรรคอนุรักษ์นิยมคว้าชัยชนะตามคาด จะบ่งชี้ว่าอังกฤษจะเดินหน้าแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป แต่หากพรรคแรงงานคว้าชัยชนะ จะทำให้เกิดความไม่แน่นอนต่อการแยกตัวดังกล่าว เนื่องจากทางพรรคมีนโยบายจัดการลงประชามติครั้งใหม่เกี่ยวกับ Brexit