เอสแอนด์พี โกลบอล (S&P Global) เปิดเผยผลสำรวจในวันนี้ (24 ก.ค.) ว่า กิจกรรมทางธุรกิจของออสเตรเลียในเดือนก.ค. ขยายตัวในอัตราสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2565 โดยได้รับแรงหนุนจากยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่พุ่งสูงขึ้นและการจ้างงานที่แข็งแกร่ง แม้ต้องเผชิญกับภาวะส่งออกที่อ่อนแอและความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ลดลงก็ตาม
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นของออสเตรเลีย ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.6 ในเดือนก.ค. จาก 51.6 ในเดือนมิ.ย. สะท้อนการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของกิจกรรมทางธุรกิจ
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
ขณะเดียวกัน ดัชนี PMI ภาคบริการขั้นต้นปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.8 ในเดือนก.ค. จาก 51.8 ในเดือนมิ.ย. และดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 51.6 ในเดือนก.ค. จาก 50.6 ในเดือนมิ.ย.
ปัจจัยหนุนสำคัญมาจากการที่ยอดสั่งซื้อใหม่ขยายตัวในอัตราสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี ทั้งในภาคการผลิตและบริการ สะท้อนการที่ภาคธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและเร่งรัดการพัฒนาเพื่อรุกตลาดได้สำเร็จ ส่งผลให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพื่อลดปริมาณงานคงค้างเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน
อย่างไรก็ตาม ภาคการส่งออกยังคงเป็นปัจจัยฉุดรั้ง โดยยอดสั่งซื้อจากต่างประเทศปรับตัวลดลงอีกครั้ง แม้จะเป็นการลดลงเพียงเล็กน้อยและจำกัดอยู่ในภาคการผลิต ขณะที่อุปสงค์การส่งออกภาคบริการเริ่มทรงตัวหลังหดตัวต่อเนื่อง 4 เดือน
ทั้งนี้ ภาคธุรกิจต้องเผชิญกับต้นทุนปัจจัยการผลิตที่เพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดในรอบ 3 เดือน ทำให้จำเป็นต้องปรับขึ้นราคาสินค้าและบริการอย่างมากในเดือนก.ค. เพื่อชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้น สวนทางกับความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้น