ผลสำรวจทางธุรกิจล่าสุดที่เปิดเผยในวันนี้ (24 ก.ค.) บ่งชี้ว่า ภาคเอกชนของอินเดียยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือนก.ค. โดยได้แรงหนุนจากภาคการผลิตที่แข็งแกร่งและความต้องการจากต่างประเทศ แต่การเติบโตดังกล่าวถูกฉุดรั้งจากภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและการจ้างงานที่ชะลอตัว
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นของอินเดียจาก HSBC ซึ่งรวบรวมโดย S&P Global อยู่ที่ระดับ 60.7 ในเดือนก.ค. ลดลงเล็กน้อยจาก 61.0 ในเดือนมิ.ย. โดยอยู่เหนือระดับ 50 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
ภาคการผลิตถือตัวขับเคลื่อนสำคัญของการเติบโตในเดือนนี้ โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นต้นพุ่งขึ้นสู่ระดับ 59.2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 17 ปี ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการขั้นต้นชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 59.8
ปราณจุล ภัณฑารี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำอินเดียของ HSBC ระบุว่า "ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งนี้ได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของยอดขายรวม คำสั่งซื้อเพื่อการส่งออก และปริมาณผลผลิต โดยภาคการผลิตของอินเดียเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก" โดยยอดสั่งซื้อใหม่โดยรวมขยายตัวในอัตราเร็วที่สุดในรอบปี โดยเฉพาะยอดสั่งซื้อสินค้าภาคการผลิตที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 5 ปี
อย่างไรก็ตาม การเติบโตที่แข็งแกร่งนี้กลับสวนทางกับความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี (นับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2566) โดยบริษัทต่าง ๆ แสดงความกังวลต่อแรงกดดันด้านราคาและการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น ขณะเดียวกัน การจ้างงานก็ขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวที่สุดในรอบ 15 เดือน
ประเด็นด้านการจ้างงานสอดคล้องกับผลสำรวจของรอยเตอร์เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่บ่งชี้ถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับปัญหาการว่างงานและการทำงานต่ำกว่าระดับ (underemployment) ในอินเดีย ซึ่งยังไม่สามารถสร้างงานที่มีรายได้ดีเพียงพอสำหรับคนรุ่นใหม่ได้ แม้ข้อมูลทางการระบุว่าอัตราการว่างงานในเดือนมิ.ย. อยู่ที่ 5.6% แต่นักเศรษฐศาสตร์หลายรายชี้ว่าวิธีการสำรวจดังกล่าวยังไม่สะท้อนภาพที่แท้จริง
ขณะเดียวกัน แรงกดดันด้านเงินเฟ้อก็รุนแรงขึ้นในเดือนก.ค. โดยทั้งต้นทุนการผลิตและราคาขายต่างปรับตัวสูงขึ้น บริษัทต่าง ๆ รายงานว่าต้องแบกรับต้นทุนวัตถุดิบ เช่น อะลูมิเนียม ฝ้าย และอาหารที่สูงขึ้น และได้ผลักภาระบางส่วนไปยังผู้บริโภค
สถานการณ์ดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางอินเดีย (RBI) แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อค้าปลีกของเดือนก่อนหน้าชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 6 ปี แต่การเร่งตัวขึ้นของเงินเฟ้อระลอกใหม่อาจบั่นทอนความหวังที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมในอนาคต