ภาคเอกชนของฝรั่งเศสยังคงอยู่ในภาวะหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 11 ในเดือนก.ค. โดยได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่บั่นทอนความเชื่อมั่นทางธุรกิจอย่างหนัก
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้นของฝรั่งเศสจาก HCOB ซึ่งรวบรวมโดย S&P Global อยู่ที่ระดับ 49.6 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน เพิ่มขึ้นจาก 49.2 ในเดือนมิ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 49.3 แต่ยังคงอยู่ในภาวะหดตัว
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่าอยู่ในภาวะหดตัว
ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการขั้นต้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแตะ 49.7 ในเดือนก.ค. จาก 49.6 ในเดือนมิ.ย. ขณะที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นต้นปรับขึ้นเป็น 48.4 ในเดือนก.ค. จาก 48.1 ในเดือนมิ.ย.
ภาวะชะลอตัวดังกล่าวสอดคล้องกับอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอลง โดยยอดคำสั่งซื้อใหม่สำหรับสินค้าและบริการปรับตัวลดลงในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. ส่งผลให้ความเชื่อมั่นทางธุรกิจทรุดตัวลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. ปีก่อน
ปัจจัยหลักที่บั่นทอนความเชื่อมั่นคือความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองในประเทศที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะการคัดค้านแผนงบประมาณของนายกรัฐมนตรีฟรองซัวส์ บายรู ซึ่งข้อเสนอที่ต้องการยกเลิกวันหยุดนักขัตฤกษ์ 2 วัน และระงับการใช้จ่ายภาครัฐส่วนใหญ่ เพื่อรัดเข็มขัดงบประมาณ 4.38 หมื่นล้านยูโร (5.13 หมื่นล้านดอลลาร์) ได้รับการต่อต้านอย่างหนักจากสหภาพแรงงานและพรรคฝ่ายค้าน
นักเศรษฐศาสตร์จาก HCOB ให้ความเห็นว่า แม้ทิศทางจะดูดีขึ้นตั้งแต่ต้นปี แต่ดัชนีที่ยังต่ำกว่า 50 ยังคงเป็นสัญญาณว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังคงถดถอย แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อยก็ตาม พร้อมกับเสริมว่า หากรัฐบาลสามารถบรรลุข้อตกลงรัดเข็มขัดได้ ก็จะกระทบต่อกำลังซื้อของภาคครัวเรือนและเป็นความเสี่ยงต่ออุปสงค์ในประเทศ โดยเฉพาะภาคบริการ แต่หากไม่สามารถตกลงกันได้ ก็จะยิ่งซ้ำเติมความไม่แน่นอนทางการเมืองให้รุนแรงขึ้น