สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานในวันนี้ (27 ต.ค.) ว่า กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมจีนพุ่งขึ้น 21.6% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่รัฐบาลจีนออกนโยบายควบคุมการทำสงครามราคา ซึ่งช่วยลดแรงกดดันที่มีต่อบรรดาผู้ผลิต แม้ยังคงเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้ากับสหรัฐฯ ก็ตาม
ทั้งนี้ กำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.ของจีนพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2566 และเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนส.ค. ซึ่งกำไรภาคอุตสาหกรรมในเดือนดังกล่าวพุ่งขึ้น 20.4%
สำหรับในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.) กำไรภาคอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น 3.2% ซึ่งแข็งแกร่งกว่าในช่วง 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.) ที่เพิ่มขึ้นเพียง 0.9%
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กำไรภาคอุตสาหกรรมพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งนั้น มาจากการที่รัฐบาลจีนออกนโยบายที่มุ่งเป้าสกัดการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรงในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ภาวะเงินฝืดในจีนยืดเยื้อเข้าสู่ปีที่สาม โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนลดลง 0.3% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ร่วงลง 2.3%
รายงานของสำนักงานสถิติฯ ยังระบุด้วยว่า กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมของรัฐลดลง 0.3% ในเดือนก.ย. สวนทางกับกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมต่างชาติที่เพิ่มขึ้น 4.9% ซึ่งรวมถึงบริษัทที่มีการลงทุนจากฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน ส่วนกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 5.1%