ตลาดหุ้นเอเชียเปิดในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ (2 ก.ค.) ขณะที่นักลงทุนยังคงประเมินถ้อยแถลงล่าสุดจากเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
พาวเวลกล่าวเมื่อวันอังคาร (1 ก.ค.) ว่า เฟดคงจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว หากไม่มีมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้เสนอแนวคิดเมื่อวานนี้ (1 ก.ค.) ที่จะเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่น โดยคาดการณ์ไว้ว่า จะสูงถึง 30% หรือ 35% ซึ่งเป็นท่าทีล่าสุดในการกดดันพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ท่ามกลางการเจรจาการค้าระหว่างสองประเทศที่ชะงักงัน
"ผมไม่แน่ใจว่าเราจะสามารถตกลงกันได้หรือเปล่า ผมไม่คิดว่าจะได้นะ" ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน พร้อมเรียกญี่ปุ่นว่า "เจรจายากมาก" และ "ถูกตามใจมานาน"
ทรัมป์ได้ย้ำถึงข้อร้องเรียนเดิมว่า ญี่ปุ่นนำเข้ารถยนต์และข้าวจากสหรัฐฯ ไม่เพียงพอ โดยกล่าวหาว่า "ญี่ปุ่นเอาเปรียบเรามา 30 หรือ 40 ปีแล้ว"
-- วุฒิสภาสหรัฐฯ มีมติด้วยคะแนนเสียงฉิวเฉียด 51-50 ให้การอนุมัติต่อร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในวันอังคาร (1 ก.ค.)
ทั้งนี้ คะแนนเสียงชี้ขาด 1 เสียงดังกล่าวมาจาก เจดี แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งใช้สิทธิลงคะแนนเสียงในฐานะประธานวุฒิสภา หลังจากที่สมาชิกวุฒิสภาลงคะแนนเสียงเท่ากัน 50-50 ก่อนหน้านี้
หลังจากนี้ วุฒิสภาจะส่งร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ก่อนที่จะส่งให้ปธน.ทรัมป์ลงนามเป็นกฎหมายภายในวันที่ 4 ก.ค.
-- เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) กล่าวว่า เฟดอาจใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นในขณะนี้แล้ว หากไม่ใช่เป็นเพราะประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากร
ต่อคำถามที่ว่า เฟดน่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งไปแล้วในขณะนี้หรือไม่ หากปธน.ทรัมป์ไม่ได้ประกาศแผนเรียกเก็บภาษีศุลกากรกับประเทศคู่ค้าก่อนหน้านี้ พาวเวลตอบว่า "ผมคิดว่าใช่"
-- สำนักนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (1 ก.ค.) ว่า ลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ จะเดินทางเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 ก.ค.ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตแห่งกัมพูชา ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันอย่างเป็นทางการเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้นำสิงคโปร์
นอกจากนี้ หว่องจะเข้าร่วมพิธีต้อนรับที่พระราชวังสันติภาพ และจะเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนี กษัตริย์แห่งกัมพูชา รวมทั้งจะเข้าเยี่ยมคารวะ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และเข้าพบหารือกับนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต
-- ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแอตแลนตาเปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการขยายตัว 2.5% ในไตรมาส 2/2568 หลังจากเศรษฐกิจหดตัว 0.5% ในไตรมาส 1
เฟดสาขาแอตแลนตาจะรายงานตัวเลขคาดการณ์ GDPNow ครั้งต่อไปในวันที่ 3 ก.ค.
-- สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้น 374,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 7.769 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 7.30 ล้านตำแหน่ง จากระดับ 7.395 ล้านตำแหน่งในเดือนเม.ย.
การจ้างงานเพิ่มขึ้น 112,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 5.503 ล้านตำแหน่ง ส่วนตัวเลขปลดออกจากงานลดลง 188,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 1.601 ล้านตำแหน่ง
-- เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 52.9 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2565 จากระดับ 52.0 ในเดือนพ.ค.
ดัชนี PMI ได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน
-- สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 49.0 ในเดือนมิ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 48.8 จากระดับ 48.5 ในเดือนพ.ค.
อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตสหรัฐฯ โดยเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ขณะที่ได้รับผลกระทบจากการลดลงของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับนโยบายเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
-- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่จะเปิดเผยในวันนี้ (2 ก.ค.) ได้แก่ เกาหลีใต้เปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย., ออสเตรเลียเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนพ.ค., อียูเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนพ.ค. และสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมิ.ย.จาก ADP และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA)