หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลื่อนเส้นตายการเรียกเก็บอัตราภาษีศุลกากรของสหรัฐต่อประเทศคู่ค้าเป็นวันที่ 1 ส.ค. จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 9 ก.ค. เพื่อเปิดโอกาสในการเจรจาทำข้อตกลงกับประเทศคู่ค้า
แหล่งข่าวระบุว่า นายเบสเซนต์มองว่าสหรัฐกำลังมีความคืบหน้าในการเจรจากับประเทศคู่ค้าบางประเทศ เช่น อินเดีย และสหภาพยุโรป (EU) ดังนั้นเขาจึงขอเวลาเพิ่มขึ้นในการเจรจาข้อตกลงการค้า
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ส่งจดหมายเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราใหม่ต่อ 14 ประเทศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค.
สหรัฐเรียกเก็บภาษีในอัตรา 25% ต่อสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย คาซัคสถาน และตูนิเซีย ขณะที่สินค้าจากแอฟริกาใต้และบอสเนียจะถูกเก็บภาษีนำเข้า 30% ส่วนสินค้าจากอินโดนีเซียถูกเรียกเก็บภาษี 32%
นอกจากนี้ บังกลาเทศและเซอร์เบียถูกเก็บภาษี 35% ขณะที่กัมพูชาและไทยถูกเก็บภาษี 36% ส่วนลาวและเมียนมาถูกเก็บภาษี 40%