โครงการเกษียณอายุโดยสมัครใจและเกษียณอายุก่อนกำหนดในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี โดยข้อมูลจากโตเกียว โชโก รีเสิร์ช (Tokyo Shoko Research) ระบุว่า ณ วันที่ 10 พ.ย. 2568 มีพนักงานอาวุโสกว่า 11,045 คนจากบริษัทจดทะเบียนในตลาด Prime ของตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ถูกกำหนดเป้าหมายให้เกษียณก่อนกำหนด ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดตั้งแต่ปี 2564
โครงการส่วนใหญ่เน้นไปที่พนักงานอายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงจากโมเดลการจ้างงานตลอดชีวิตแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น โดยการเลิกจ้างเกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันด้านประชากร ทั้งอัตราการเกิดที่ลดลง ประชากรสูงอายุ และอายุขัยเฉลี่ยที่ยืนยาวขึ้น แม้หลายบริษัทจะขยายอายุเกษียณถึง 65 ปี แต่บางแห่งกลับสนับสนุนให้พนักงานออกจากงานก่อนกำหนด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการปรับโครงสร้างองค์กร
บริษัทใหญ่หลายแห่ง เช่น มิตซูบิชิ อิเล็กทริก, มิตซูบิชิ เคมิคัล และเมจิ โฮลดิงส์ เสนอแพ็กเกจเกษียณให้กับพนักงานอาวุโส โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดแรงงานที่ตึงตัวและสนับสนุนให้พนักงานเปลี่ยนงานบ่อยขึ้น
ชินทาโร อิวาอิ นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัยไดอิจิ ไลฟ์กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจแบบเดิมไม่สามารถทำได้อีกต่อไป จำเป็นต้องตัดงานซ้ำซ้อนเพื่อเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกัน นักลงทุนเชิงรุกและตลาดหุ้นโตเกียวเรียกร้องผลตอบแทนที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้บรรดาบริษัทต้องลดค่าใช้จ่ายและปลดล็อกมูลค่า แม้แต่บริษัทที่มีผลกำไร โดยจาก 41 บริษัทที่ดำเนินโครงการเกษียณอายุ ในปีนี้นั้น มี 28 บริษัทที่รายงานว่ามีผลกำไร และ 77% ของการเลิกจ้างมาจากบริษัทเหล่านี้ อาทิ เมจิและโอลิมปัส คอร์ป ก็อยู่ในกลุ่มบริษัทที่ปรับลดตำแหน่งงานลงแม้มีผลกำไรแข็งแกร่ง