รายงานของรีเทล เมตริกส์ระบุว่า ยอดขายของบริษัทค้าปลีกที่ได้รับการสำรวจกว่า 10 แห่ง ซึ่งไม่นับรวมบริษัทค้าปลีกด้านเวชภัณฑ์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนก.ย. น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.4%
การปรับตัวลงของยอดขายของบริษัทค้าปลีกในสหรัฐสะท้อนให้เห็นว่า ผู้บริโภคยังคงชะลอการใช้จ่ายในยามที่ภาษีปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่สหรัฐยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมาย Affordable Care Act หรือ "โอบามาแคร์" และการปิดหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลกลางเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปีเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้
แก๊ป ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกเสื้อผ้ารายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายปรับตัวลดลง 3% ตรวจข้ามกับที่นักวิเคราะห์ที่ได้รับการสำรวจโดยรีเทล เมตริกส์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.8% ขณะที่แอล แบรนด์ส ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ Victoria’s Secret และ Bath & Body Works เปิดเผยว่า ยอดขายเพิ่มขึ้น 1% น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.1%
นักวิเคราะห์คาดว่า การปิดหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลสหรัฐส่งผลให้ผู้บริโภคมีความวิตกกังวลและขาดความเชื่อมั่น ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีกเป็นวงกว้าง
ทั้งนี้ สภาคองเกรสจำเป็นจะต้องผ่านร่างกฎหมายเพิ่มเพดานการกู้ยืมให้กับรัฐบาลกลางภายในวันที่ 17 ต.ค.นี้ มิฉะนั้นรัฐบาลกลางสหรัฐจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้ และจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลงอย่างหนัก