สหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติสหรัฐ (NRF) เปิดเผยว่า ผู้บริโภคชาวสหรัฐเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น หลังจากที่คลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาล ความผันผวนของตลาดหุ้น และความตึงเครียดด้านการค้า
นายแจ็ค ไคลน์เฮนส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ NRF กล่าวเมื่อวานนี้ว่า "ผู้บริโภคชาวสหรัฐกลับมามีความมั่นใจมากขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลและความผันผวนของตลาดหุ้น เริ่มลดน้อยลง ขณะที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนก็มีทิศทางที่ดี"
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนม.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดค้าปลีกจะทรงตัว หรือเพิ่มขึ้น 0% ในเดือนดังกล่าว
ส่วนยอดค้าปลีกที่ปรับตัวลง 1.6% ในเดือนธ.ค.นั้น ได้รับแรงกดดันจากภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐ ความผันผวนของตลาดหุ้น และความตึงเครียดทางการค้า
นายไคลน์เฮนส์ กล่าวว่า "แม้ประชาชนบางส่วนยังคงมีความลังเลใจอยู่บ้าง แต่นับเป็นเรื่องดีที่ยอดการใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวขึ้นในเดือนม.ค."
สำหรับยอดค้าปลีกพื้นฐานเดือนม.ค. ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น 1.1% หลังจากดิ่งลง 2.3% ในเดือนธ.ค.
นายไคลน์เฮนส์ กล่าวว่า "เราหวังว่าค่าแรงที่ปรับตัวขึ้น รวมถึงอัตราการว่างงานที่ปรับตัวลงนี้ จะช่วยหนุนความมั่นใจของผู้บริโภคในปีหน้า"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รายงานคาดการณ์จาก NRF ระบุว่า ยอดค้าปลีกในปี 2562 จะปรับตัวขึ้นราว 3.8-4.4% รวมมูลค่าอยู่ที่ 3.8 ล้านล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม NRF เปิดเผยว่า ทางองค์กรจะติดตามผลและอาจมีการปรับแก้ผลการคาดการณ์ หลังจากที่มีความเปิดเผยข้อมูลในเดือนต่อๆไป