เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P Global Ratings) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลกจากสหรัฐ เปิดเผยรายงานเมื่อวันอังคาร (23 เม.ย.) โดยระบุว่า เศรษฐกิจจีนที่ควบคุมโดยรัฐบาลอาจสร้างปัจจัยที่นำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้รอบใหม่เร็วที่สุดในปีหน้า ซึ่งจะเป็นการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ของบริษัทจีนรอบที่ 3 ในรอบประมาณหนึ่งทศวรรษ
"สิ่งสำคัญที่เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายจีนต้องจับตาคือนโยบายในปัจจุบันของจีนนั้นกำลังสร้างแรงกระตุ้นที่บิดเบือนให้กับเศรษฐกิจจีนหรือไม่" นายชาร์ลส์ ชาง หัวหน้าฝ่ายจีนแผ่นดินใหญ่และจีนโพ้นทะเล (Greater China) ของเอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ ระบุเมื่อวันพุธ (24 เม.ย.)
ข้อมูลของเอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ แสดงให้เห็นว่า อัตราการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทจีนลดลงสู่ 0.2% ในปี 2566 ซึ่งต่ำสุดในรอบกว่า 8 ปี และต่ำกว่าอัตราการผิดนัดชำระหนี้ทั่วโลกอย่างมาก ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 2.6%
"นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีนักเพราะเรามองว่าอัตราที่แตกต่างกันนี้ไม่ใช่ผลลัพธ์ของตลาดที่ดำเนินงานแบบปกติ เราเห็นรัฐบาลจีนออกคำสั่งหรือนโยบายในปีที่ผ่านมาเพื่อยับยั้งการผิดนัดชำระหนี้ในตลาดตราสารหนี้จีน" นายชางระบุ
"คำถามคือนโยบายเพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ในตลาดตราสารหนี้จีนจะสิ้นสุดลงเมื่อใด และจะเกิดอะไรขึ้นกับตลาดตราสารหนี้จีนต่อไป" นายชางระบุ พร้อมกล่าวเสริมว่า นี่คือเรื่องที่ต้องเฝ้าระวังสำหรับปีหน้า
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ทางการจีนได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการป้องกันความเสี่ยงทางการเงินตลอดหลายปีที่ผ่านมา แต่การดำเนินการเชิงรุกเพื่อรับมือกับปัญหาต่าง ๆ โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ อาจก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่เจตนา
ตลาดอสังหาริมทรัพย์จีนตกต่ำลงหลังจีนออกมาตรการปราบปรามบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่พึ่งพาหนี้สินในการประกอบธุรกิจเป็นหลักในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งครั้งหนึ่งมีขนาดใหญ่มาก ฉุดรั้งเศรษฐกิจจีน และจนถึงขณะนี้ภาคอสังหาริมทรัพย์จีนก็แทบไม่ส่งสัญญาณการฟื้นตัวขึ้น
เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ ระบุว่า วิกฤตในภาคอสังหาริมทรัพย์นำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ระลอกล่าสุดซึ่งเกิดขึ้นระหว่างปี 2563-2567 ขณะที่การผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้รอบแรกเกิดขึ้นจากบริษัทภาคอุตสาหกรรมและโภคภัณฑ์ในปี 2558-2562
"ประเด็นสำคัญที่รัฐบาลจีนต้องให้ความใส่ใจคือตลาดอสังหาริมทรัพย์จีนจะมีเสถียรภาพได้หรือไม่ และราคาที่อยู่อาศัยจีนจะมีเสถียรภาพได้หรือไม่" นายชางกล่าว พร้อมเสริมว่า "เพราะปัจจัยดังกล่าวสามารถช่วยผ่อนคลายผลกระทบเชิงลบที่เราเห็นตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมาได้"