โฆษกของฝ่ายสื่อกองทัพปากีสถานเปิดเผยในวันพุธ (7 พ.ค.) ว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 31 รายและบาดเจ็บอีก 57 ราย จากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างอินเดียและปากีสถานที่บริเวณชายแดน หลังจากกองกำลังของทั้งสองฝ่ายได้ตอบโต้กันไปมาตามแนวเส้นควบคุม (LoC) ซึ่งเป็นพรมแดนโดยพฤตินัยที่แบ่งแยกดินแดนแคชเมียร์
พลโทอาหมัด ชารีฟ ชาวดรี ผู้อำนวยการสำนักงานประชาสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงาน (ISPR) ของปากีสถานกล่าวกับสื่อระหว่างการประชุมสรุปว่า อินเดียกระทำการละเมิดการหยุดยิงครั้งใหญ่ในพื้นที่ชายแดนในวันพุธที่ผ่านมา (7 พ.ค.) ด้วยการโจมตีบ้านเรือนและมัสยิดหลายแห่งที่มีเป้าหมายเป็นพลเรือนในดินแดนแคชเมียร์ที่ปากีสถานดูแลอยู่ อีกทั้งโจมตีแคว้นปัญจาบทางตะวันออกของประเทศตั้งแต่คืนวันอังคาร (6 พ.ค.) จนถึงช่วงเช้าตรู่วันพุธ
พลโทอาหมัดกล่าวว่า ปากีสถานได้ตอบโต้อย่างมีประสิทธิภาพโดยการมุ่งเป้าโจมตีสำนักงานใหญ่ของกองพลอินเดีย สำนักงานใหญ่ของกองพัน และฐานประจำการหลายจุดของกองทัพอินเดียตามแนว LoC ในแคชเมียร์ และตลอดแนวชายแดนระหว่างแคว้นปัญจาบของปากีสถานและดินแดนแคชเมียร์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของอินเดีย ในระหว่างการยิงตอบโต้กับกองกำลังของอินเดียตลอดทั้งวัน
พลโทอาหมัดระบุว่า เครื่องบินรบของอินเดียได้โจมตีพื้นที่ 6 จุดในดินแดนของปากีสถาน อย่างไรก็ตาม กองทัพอากาศของปากีสถานก็ได้ตอบโต้ด้วยการสอยเครื่องบินร่วง 5 ลำได้อย่างแม่นยำ
นอกจากนี้ พลโทอาหมัดยังเผยอีกว่า กองทัพปากีสถานสามารถยิงโดรนสอดแนมและโดรนพิฆาตของอินเดียได้ 7 ลำ พร้อมทั้งยึดโดรนไว้ได้อีก 2 ลำด้วยการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง
ทั้งนี้ อินเดียและปากีสถานต่างก็อ้างว่าดินแดนแคชเมียร์เป็นส่วนหนึ่งของประเทศตัวเอง และมีความขัดแย้งกันเรื่อยมา จนกระทั่งล่าสุดเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่พลเรือนเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ในดินแดนแคชเมียร์ส่วนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของอินเดีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 26 ราย ซึ่งอินเดียกล่าวโทษว่าปากีสถานอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้