โวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ แสดงความกังวลต่อมาตรการห้ามเดินทางครั้งใหม่ของสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบครอบคลุมหลายประเทศ
เติร์กระบุในแถลงการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี (5 มิ.ย.) ว่า แม้รัฐต่าง ๆ จะมีดุลยพินิจในการบริหารจัดการพรมแดนของตนภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ แต่รัฐเหล่านั้นจะต้องแน่ใจด้วยว่าประชาชนทุกคนได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน และต้องปกป้องไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติในทุกกรณี ไม่ว่าจะบนพื้นฐานของสัญชาติ ชาติกำเนิด ศาสนา การอพยพ หรือสถานะอื่น
"นอกจากนี้ เรายังกังวลมากขึ้นว่า ถ้อยแถลงซึ่งดูหมิ่นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการนี้ มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการตีตราบุคคลจากประเทศที่เกี่ยวข้อง ทั้งในสหรัฐฯ และที่อื่น ๆ และยังเสี่ยงที่จะทำให้บุคคลเหล่านั้นเผชิญกับความเกลียดชังชาวต่างชาติและการละเมิดมากขึ้น" เติร์กระบุ
ทั้งนี้ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ลงนามในประกาศห้ามพลเมืองจาก 12 ประเทศ ได้แก่ อัฟกานิสถาน ชาด สาธารณรัฐคองโก อิเควทอเรียลกินี เอริเทรีย เฮติ อิหร่าน ลิเบีย เมียนมา โซมาเลีย ซูดาน และเยเมน เดินทางเข้าสหรัฐฯ โดยอ้างถึงความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ
นอกเหนือจากการห้ามเดินทางซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในเวลา 00.01 น. ของวันจันทร์ที่ 9 มิ.ย. แล้ว สหรัฐฯ จะใช้ข้อจำกัดที่เข้มงวดสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากบุรุนดี คิวบา ลาว เซียร์ราลีโอน โตโก เติร์กเมนิสถาน และเวเนซุเอลาด้วย