ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ระบุว่า มีเพียงสหรัฐเท่านั้นที่มีความเข้มแข็งที่จะบังคับให้รัสเซียทำข้อตกลงสันติภาพได้
"รัสเซียจะถูกบังคับให้กลับสู่แนวทางสันติภาพก็ต่อเมื่อเผชิญหน้ากับความเข้มแข็ง และประธานาธิบดีทรัมป์มีความเข้มแข็งนั้น เราต้องทำทุกอย่างที่ถูกต้องเพื่อให้เกิดสันติภาพ""เมื่อมีการพูดถึงสันติภาพสำหรับประเทศใดประเทศหนึ่งในยุโรป นั่นหมายถึงสันติภาพสำหรับทั้งยุโรป เราพร้อมที่จะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อยุติสงครามและสร้างความมั่นคงที่น่าเชื่อถือ นี่คือประเด็นสำคัญ""เมื่อคืนนี้ รัสเซียยังคงโจมตีเมืองของเรา ซึ่งผู้เสียชีวิตรวมถึงเด็ก 2 คน และมีผู้บาดเจ็บหลายสิบคน โดยประชาชนกำลังนอนหลับอยู่เมื่อกองทัพรัสเซียโจมตีเมืองต่าง ๆ" ปธน.เซเลนสกีโพสต์ข้อความบน X ก่อนการเจรจากับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันนี้
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์จะเปิดทำเนียบขาวต้อนรับปธน.เซเลนสกี รวมทั้งผู้นำยุโรปในวันนี้เพื่อทำการเจรจายุติสงครามในยูเครน หลังการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐและประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่รัฐอะแลสกาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ผู้นำยุโรปที่จะเข้าร่วมการเจรจากับปธน.ทรัมป์ในวันนี้ ได้แก่ผู้นำจากอังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี ฟินแลนด์ คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) รวมทั้งองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต)
ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ปธน.ทรัมป์จะทำการเจรจาเป็นการส่วนตัวกับปธน.เซเลนสกีที่ห้องทำงานรูปไข่ในวันนี้ (18 ส.ค.) เวลา 13.15 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับวันพรุ่งนี้ (19 ส.ค.) เวลา 00.15 น.ตามเวลาไทย ก่อนที่จะพบกับบรรดาผู้นำยุโรปที่ห้องอีสต์รูมของทำเนียบขาวในวันนี้ (18 ส.ค.) เวลา 15.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับวันพรุ่งนี้ (19 ส.ค.) เวลา 02.00 น.ตามเวลาไทย
ปธน.ทรัมป์โพสต์ข้อความใน Truth Social ระบุว่า "เป็นวันยิ่งใหญ่ที่ทำเนียบขาว ไม่เคยมีผู้นำยุโรปมาพร้อมกันมากมายเช่นนี้มาก่อน ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ผมจะได้เป็นเจ้าภาพต้อนรับพวกเขา!!!"
สื่อของยุโรปต่างพากันให้ความสำคัญต่อการประชุมในวันนี้ โดย Daily Mail หนังสือพิมพ์ของอังกฤษพาดหัวว่า "นี่เป็นวันดี-เดย์ที่ทำเนียบขาว" ขณะที่ Daily Mirror ระบุว่า "ยุโรปพร้อมใจกันลุกขึ้นสู้" ส่วน Die Welt ของเยอรมนีเรียกเหตุการณ์นี้ว่า "ช่วงเวลาแห่งความจริง" สำหรับผู้นำสหรัฐ
ด้านนายโจฮันน์ วาเดอพูล รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี กล่าวว่า "อาจไม่เกินความเป็นจริง หากจะบอกว่า ทั้งโลกกำลังจับตามองวอชิงตัน"
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างยูเครนและสหรัฐ ซึ่งเคยใกล้ชิดในสมัยของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้เผชิญความตึงเครียดนับตั้งแต่ปธน.ทรัมป์กลับเข้าสู่ทำเนียบขาวเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา โดยสหรัฐได้ปรับลดงบประมาณในการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน ขณะที่ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาสามารถยุติสงครามในยูเครนภายในเวลา 24 ชั่วโมงหลังจากเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐ