นายกรัฐมนตรีจั๋ว หรงไท่ ของไต้หวันกล่าวในวันนี้ (25 พ.ย.) ว่า การกลับคืนสู่จีนไม่ใช่ทางเลือกสำหรับประชากร 23 ล้านคนบนเกาะไต้หวัน
ถ้อยแถลงนี้มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ย้ำจุดยืนเรื่องอธิปไตยของจีนระหว่างการหารือทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (24 พ.ย.) โดยสีกล่าวกับทรัมป์ว่า การที่ไต้หวัน "กลับคืนสู่จีน" หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงนั้น เป็นหัวใจสำคัญในวิสัยทัศน์ด้านระเบียบโลกของจีน
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลไต้หวันซึ่งมาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ปฏิเสธจุดยืนดังกล่าวอย่างแข็งขัน
"เราต้องเน้นย้ำอีกครั้งว่า สาธารณรัฐจีน หรือไต้หวันนั้น เป็นประเทศที่มีเอกราชและอธิปไตยสมบูรณ์" นายกฯ จั๋ว กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่หน้ารัฐสภา พร้อมสำทับว่า "สำหรับพี่น้องประชาชนกว่า 23 ล้านคนในชาติของเรา การ 'กลับไป' ไม่ใช่ทางเลือก มันชัดเจนอยู่แล้ว"
ก่อนหน้านี้ จีนเคยเสนอรูปแบบการปกครอง "หนึ่งประเทศ สองระบบ" ให้แก่ไต้หวัน แต่พรรคการเมืองกระแสหลักในไต้หวันไม่มีพรรคใดเอาด้วย และประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ ของไต้หวัน ก็ปฏิเสธแนวทางนี้
ด้านปธน.ทรัมป์ หลังวางสายจากปธน.สี ก็ไปโพสต์ข้อความในทรูธโซเชียล (Truth Social) ว่าความสัมพันธ์กับจีนนั้น "แข็งแกร่งอย่างยิ่ง" โดยไม่ได้เอ่ยถึงการหารือเรื่องไต้หวันแต่อย่างใด
อนึ่ง ทางฝั่งรัฐบาลไทเปได้ประณามปักกิ่งอยู่เรื่อย ๆ ว่าชอบบิดเบือนประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่จบไปตั้ง 80 ปีแล้ว เพราะตอนจบสงคราม เกาะไต้หวันถูกส่งมอบคืนให้กับรัฐบาล "สาธารณรัฐจีน" (เจียง ไคเชก) ไม่ใช่ "สาธารณรัฐประชาชนจีน" (เหมา เจ๋อตุง) เพราะจีนคอมมิวนิสต์กว่าจะตั้งประเทศได้ก็ในปี 2492 ตอนที่ทัพของเหมาเอาชนะทัพของเจียง จนฝ่ายหลังต้องถอยร่นหนีมาอยู่เกาะไต้หวัน
เซียว กวงเหว่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศไต้หวันกล่าวที่กรุงไทเปว่า จีนได้บิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สอง พร้อมอ้างถึงความเห็นของสหรัฐฯ ในเดือนก.ย. ว่า จีนพยายามใช้เอกสารเก่าจากยุคนั้นมากดดันและโดดเดี่ยวไต้หวัน
"จีนพยายามข่มขู่และกดดันประเทศเพื่อนบ้านอย่างไต้หวันและญี่ปุ่นในภูมิภาคซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยนิสัยอำนาจนิยมที่ชอบขยายอิทธิพล" เซียวกล่าวทั้งนี้ จีนไม่เคยรับปากว่า จะไม่ใช้กำลังยึดไต้หวัน และได้ยกระดับแรงกดดันทางทหารต่อเกาะไต้หวันเพิ่มขึ้น