คณะที่ปรึกษาด้านวัคซีนของสหรัฐฯ มีมติเมื่อวันศุกร์ (5 ธ.ค.) ยกเลิกคำแนะนำเดิมที่ให้เด็กแรกเกิดทุกคนฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีทันที ถือเป็นความสำเร็จทางนโยบายครั้งสำคัญของโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ท่ามกลางเสียงเตือนจากผู้เชี่ยวชาญว่าการตัดสินใจนี้อาจทำลายความก้าวหน้าทางสาธารณสุขที่สั่งสมมานานนับทศวรรษ
ภายใต้มติใหม่นี้ สหรัฐฯ จะคงการฉีดวัคซีนแรกเกิดไว้เฉพาะทารกที่แม่มีผลตรวจเชื้อเป็นบวกเท่านั้น ซึ่งเท่ากับเป็นการยกเลิกแนวทางปฏิบัติสากลปี 2534 ที่ช่วยป้องกันโรคตับร้ายแรงในเด็กมาตลอด สำหรับทารกที่แม่ไม่ติดเชื้อ คณะกรรมการแนะนำให้พ่อแม่ปรึกษาแพทย์เพื่อตัดสินใจเองว่าจะฉีดหรือไม่ โดยให้เริ่มฉีดเข็มแรกได้เมื่อเด็กอายุครบ 2 เดือน และควรตรวจหาภูมิคุ้มกันก่อนตัดสินใจฉีดเข็มถัดไป
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขออกมาคัดค้านความเคลื่อนไหวนี้ โดยมองว่าการเปลี่ยนระบบมาให้ตัดสินใจเป็นรายบุคคล จะสร้างอุปสรรคในการเข้าถึงวัคซีน
นพ.วิลเลียม แชฟฟ์เนอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อจากศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลต์ อดีตกรรมการชุดนี้ ระบุว่าองค์กรการแพทย์หลักในสหรัฐฯ ไม่เห็นด้วยกับมติดังกล่าว และคาดว่าสมาคมกุมารแพทย์และวิทยาลัยสูตินรีแพทย์อเมริกันจะยังคงแนะนำให้ฉีดวัคซีนตอนแรกเกิดต่อไป
สำหรับคณะกรรมการชุดนี้ มีหน้าที่ให้คำปรึกษาศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการกำหนดนโยบายประกันสุขภาพ โดยเมื่อเดือนมิ.ย. เคนเนดี ผู้ก่อตั้งกลุ่มต่อต้านวัคซีน Children's Health Defense ได้สั่งปลดผู้เชี่ยวชาญชุดเดิมออกถึง 17 คน และแต่งตั้งกลุ่มคนที่สนับสนุนแนวคิดของเขาเข้ามาแทน นำไปสู่การรื้อนโยบายวัคซีนครั้งใหญ่ ทั้งการเลิกแนะนำวัคซีนโควิด ตัดงบวัคซีน mRNA และการเตือนเรื่องการใช้ยาไทลินอลในคนท้องโดยไม่มีหลักฐานวิทยาศาสตร์รองรับ
บรรยากาศการประชุมตลอด 2 วันเป็นไปอย่างดุเดือด สมาชิกกรรมการ 2 คนโต้แย้งมตินี้อย่างรุนแรง โดยโจเซฟ ฮิบเบลิน อดีตเจ้าหน้าที่สถาบันสุขภาพแห่งชาติ เตือนว่า "เราจะเห็นเด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่ ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเพิ่มมากขึ้น"
ในทางกลับกัน กรรมการฝ่ายสนับสนุนแย้งว่าไม่มีข้อมูลยืนยันความปลอดภัยของวัคซีน และมองว่าสหรัฐฯ ควรปรับตัว เรตเซฟ เลวี นักคณิตศาสตร์จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) หนึ่งในกรรมการกล่าวว่า "ผู้คนควรระแวงมาก ๆ เมื่อมีคนบอกว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งปลอดภัย โดยเฉพาะวัคซีน"
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังคงแนะนำให้ทารกทุกคนรับวัคซีนตับอักเสบบีให้เร็วที่สุดหลังคลอด ตามด้วยอีก 2-3 เข็ม โดยระบุข้อมูลว่า 95% ของทารกแรกเกิดที่ติดเชื้อ จะกลายเป็นผู้ป่วยโรคตับอักเสบเรื้อรังในที่สุด