สภาจังหวัดฮิโรชิมะมีมติเป็นเอกฉันท์ในวันนี้ (22 ธ.ค.) รับรองแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นยึดมั่นในหลักการไม่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ และเดินหน้าสู่การสร้างโลกปลอดอาวุธนิวเคลียร์ หลังเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงรายหนึ่งแสดงความเห็นว่า ญี่ปุ่นควรมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้เพื่อการป้องกันประเทศ
สภาจังหวัดฯ แสดงความกังวลว่ารัฐบาลอาจทบทวน "หลักการไม่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ 3 ประการ" ได้แก่ การไม่ครอบครอง การไม่ผลิต และการไม่ยอมให้นำอาวุธนิวเคลียร์เข้ามาในประเทศ หลังพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) เตรียมพิจารณาปรับปรุงเอกสารยุทธศาสตร์ความมั่นคงหลักของประเทศภายในสิ้นปีหน้า
แถลงการณ์ระบุว่า ในฐานะประเทศเดียวที่เคยประสบภัยจากการทิ้งระเบิดปรมาณู ญี่ปุ่นมีหน้าที่ต้องเดินหน้ามุ่งสู่การทำให้โลกปราศจากอาวุธนิวเคลียร์ พร้อมย้ำว่า โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับฮิโรชิมะและนางาซากิเมื่อ 80 ปีก่อนไม่ควรเกิดขึ้นซ้ำอีก
ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่สภาจังหวัดหรือสภาเมืองของฮิโรชิมะและนางาซากิ ซึ่งเป็นสองเมืองที่ถูกทำลายจากระเบิดปรมาณูของสหรัฐฯ ในปี 2488 แสดงความเห็นเป็นลายลักษณ์อักษรคัดค้านการทบทวนหลักการไม่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้น หลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลญี่ปุ่นแสดงความคิดเห็นเมื่อวันพฤหัสบดี (18 ธ.ค.) ว่า ญี่ปุ่นควรมีอาวุธนิวเคลียร์ ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง รวมถึงจากกลุ่มผู้รอดชีวิตจากเหตุระเบิดปรมาณู
แม้ญี่ปุ่นจะยึดถือรัฐธรรมนูญแนวสันตินิยมมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ฝ่ายวิจารณ์บางส่วนชี้ว่า การพึ่งพาการยับยั้งเชิงนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ เพื่อการคุ้มครองประเทศ อาจขัดแย้งกับหลักการไม่ใช้นิวเคลียร์
ด้านซานาเอะ ทากาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กำลังเร่งปรับนโยบายกลาโหมเพื่อให้รับมือกับสถานการณ์ความมั่นคงที่ตึงเครียดขึ้น ซึ่งอาจรวมถึงการพิจารณาให้สามารถนำอาวุธนิวเคลียร์เข้ามาในประเทศได้ด้วย