สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เจ้าชายไฟซาล บิน ฟาร์ฮานรัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย เปิดเผยว่า สถานทูตซาอุดีอาระเบียจะกลับมาเปิดทำการอีกครั้งในกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน
รายงานระบุว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นในระหว่างเจ้าชายไฟซอล บิน ฟาร์ฮาน อัล ซาอุดา แถลงต่อสื่อมวลชนร่วมกับนายฮอสเซน อามีร์ อับดุลลาฮีอาน รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ภายหลังจากประชุมที่กรุงเตหะรานเมื่อช่วงเช้าของวันเสาร์ (17 มิ.ย.)
เจ้าชายไฟซอล บิน ฟาร์ฮาน อัล ซาอุดา กล่าวว่า ซาอุดีอาระเบียและอิหร่านกำลังพยายามดำเนินมาตรการทางการทูตในทั้งสองประเทศ โดยก่อนหน้านี้ อิหร่านได้กลับเปิดสถานทูตอีกครั้งในกรุงริยาด รวมทั้งสถานกงสุลใหญ่ประจำนครเจดดาห์ และสำนักงานผู้แทนถาวรขององค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC)
นอกจากนี้ เจ้าชายไฟซอล บิน ฟาร์ฮาน อัล ซาอุดา ระบุว่า การฟื้นฟูความสัมพันธ์ทวิภาคีให้กลับมาเป็นปกตินั้นมีความสำคัญ เนื่องจากทั้งสองประเทศมีบทบาทสำคัญในภูมิภาค และความสัมพันธ์ดังกล่าวตั้งอยู่บนหลักการของการเคารพซึ่งกันและกัน การไม่แทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน และการยึดมั่นต่อกฎบัตรสหประชาชาติ
ด้านนายฮอสเซน อามีร์ อับดุลลาฮีอาน รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านกล่าวว่า อิหร่านได้จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นสำหรับการดำเนินการทางการทูตของซาอุดีอาระเบียในกรุงเตหะรานและเมืองมัชฮัด ทางตะวันออกเฉียงเหนือ
เจ้าชายไฟซอล บิน ฟาร์ฮาน อัล ซาอุดา เดินทางถึงกรุงเตหะรานเมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ ซึ่งนับเป็นการเดินทางเยือนอิหร่านครั้งแรก หลังจากทั้งสองประเทศฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตอีกครั้งเมื่อเดือนเม.ย.
ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียได้ตัดสัมพันธ์กับอิหร่าน หลังจากผู้ประท้วงชาวอิหร่านโจมตีคณะผู้แทนทางการทูตของซาอุดีอาระเบียในปี 2559 ภายหลังซาอุฯ สั่งประหารชีวิตนิมร์ อัล-นิมร์ นักบวชชาวชีอะห์ ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นเพียงหนึ่งในประเด็นขัดแย้งระหว่างสองชาติคู่แข่งที่มีดำเนินมาอย่างยาวนาน