กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐรายงานว่า การลักลอบข้ามแนวชายแดนตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศมีจำนวนเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 แม้ว่ารัฐบาลได้ยกระดับการสกัดกั้นแล้วก็ตาม
จากสถิติพบว่า เจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ที่พยายามข้ามพรมแดนอย่างผิดกฎหมายได้สูงถึง 40,344 คนในเดือนพ.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนม.ค. ขณะที่ผู้ถูกจับกุมจำนวน 6,405 เป็นเด็กที่ไม่มีผู้ปกครอง เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 4,302 คน และพุ่งขึ้นถึง 329% จากปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ผู้ที่ถูกจับกุมจำนวน 9,485 เป็นผู้อพยพที่พยายามข้ามพรมแดนกันมาเป็นครอบครัว ลดลงจากเดือนที่ผ่านมา แต่เพิ่มขึ้น 435% เมื่อเทียบรายปี
ทั้งนี้ รัฐบายสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าจะยกระดับการตรวจจับผู้ที่อพยพเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย โดยเฉพาะบริเวณชายแดนฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ติดกับเม็กซิโก
ในแถลงการณ์ของกระทรวงระบุว่า "ไม่มีใครคาดหวังว่านโยบายคุมเข้มจะสามารถแก้ปัญหาที่ถูกปล่อยปละละเลยมานานแรมปีได้ภายในคืนหรือเดือนเดียว" พร้อมระบุว่าจะ "คงไว้ซึ่งความพยายามในการลดจำนวนผู้อพยพเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย"
นอกจากนี้ กระทรวงยังระบุด้วยว่า โครงการสร้างกำแพงกั้นพรมแดนระหว่างสหรัฐและเม็กซิโกได้เริ่มขึ้นแล้ว และมีการส่งกองกำลังลาดตระเวนเพื่อเสริมความแข็งแกร่งบริเวณชายแดน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐอเมริกา ยังได้ตามจับกุมผู้ที่อพยพเข้ามาตั้งรกรากในสหรัฐอย่างผิดกฎหมาย โดยสำนักข่าวท้องถิ่นรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้เข้าจับกุมคนงานต่างด้าวมากกว่า 100 คนในบริษัททำสวนแห่งหนึ่งในรัฐโอไฮโอเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา