รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมระดับสูงในโอกาสครบรอบ ๒๕ ปี ของการประชุมระดับโลกว่าด้วยเรื่องสตรี ครั้งที่ ๔

ข่าวต่างประเทศ Friday October 2, 2020 13:50 —กระทรวงการต่างประเทศ

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศชูบทบาทไทยในการส่งเสริมโอกาสการมีส่วนร่วมของสตรี และความเสมอภาคทางเพศ ทั้งในประเทศและในเวทีระหว่างประเทศ ภายใต้แนวคิด ?การปลดล็อคศักยภาพของสตรี? (unlocking women?s potential) ในการประชุมระดับสูงในโอกาสครบรอบ ๒๕ ปี ของการประชุมระดับโลกว่าด้วยเรื่องสตรี ครั้งที่ ๔

เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวถ้อยแถลงผ่านบันทึกวีดิทัศน์ต่อที่ประชุมระดับสูงของสมัชชาใหญ่ในโอกาสครบรอบ ๒๕ ปี ของการประชุมระดับโลกว่าด้วยเรื่องสตรี ครั้งที่ ๔ (High-level meeting on the 25th anniversary of the 4th World Conference on Women) ซึ่งจัดขึ้นในห้วงการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ ๗๕ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ใช้โอกาสครบรอบ ๒๕ ปี ปฏิญญาปักกิ่งและแผนปฏิบัติการเพื่อความก้าวหน้าของสตรี (Beijing Declaration and Platform for Action) ในการแสดงวิสัยทัศน์และผลงานของไทยตามปฏิญญาปักกิ่งฯ ตลอด ๒๕ ปี ที่สร้างโอกาสและ ?ปลดล็อคศักยภาพ?ของสตรีใน ๑๒ ประเด็นสำคัญต่าง ๆ โดยเฉพาะในเรื่องการเข้าถึงบริการด้านการเงิน และบทบาทของสตรีในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม

นอกจากนี้ ไทยได้ร่วมแสดงความยินดีในโอกาสการครบรอบ ๒๐ ปี การรับรองข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ ๑๓๒๕ ว่าด้วยสตรี สันติภาพ และความมั่นคง (ข้อมติ UNSC ที่ ๑๓๒๕) และการครบรอบ ๑๐ ปี การรับรองข้อกำหนดสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงในเรือนจำและมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิง (ข้อกำหนดกรุงเทพ) โดยไทยเน้นย้ำการสนับสนุนและขยายบทบาทของผู้รักษาสันติภาพสตรีในภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติ รวมทั้งการให้ความสำคัญต่อการดูแลปกป้องสิทธิของผู้ต้องขังสตรีตามข้อกำหนดกรุงเทพ สะท้อนให้เห็นว่า ไทยไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลังอย่างแท้จริง

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศย้ำความสำคัญของกลไกพหุภาคีในการแก้ไขประเด็นปัญหาต่าง ๆ และการเดินหน้าร่วมกันท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ด้วย

ที่มา: กระทรวงการต่างประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ