สรุปภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาสที่ 2 (เมษายน — มิถุนายน) พ.ศ. 2553(อุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือน)

ข่าวเศรษฐกิจ Friday August 27, 2010 14:55 —สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

1. การผลิต

ปริมาณการผลิตของอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนในช่วงไตรมาสที่ 2 ปี 2553 มีปริมาณการผลิต 2.56 ล้านชิ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ลดลงร้อยละ 2.66 และ13.51 ตามลำดับ ทั้งนี้ปริมาณการผลิตลดลง เนื่องจากผลกระทบของความไม่ สงบทางการเมืองในช่วงดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการลดปริมาณการผลิตลง

2. การตลาด

2.1 การจำหน่ายในประเทศ

ปริมาณการจำหน่ายในประเทศของอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนในไตรมาสที่ 2 ปี 2553มีปริมาณการจำหน่าย 0.95 ล้านชิ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.15 และ 5.56 ตามลำดับ ทั้งนี้ปริมาณการจำหน่ายในประเทศที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากอุปสงค์ยังมีอยู่ โดยเฉพาะตลาดกลางและตลาดบน และการได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ซึ่งทำให้ที่พักอาศัยขยายตัว ส่งผลให้อุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนซึ่งเป็นอุตสาหกรรมต่อเนื่องขยายตัวตามไปค้วย

2.2 การส่งออก

การส่งออกของสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี2553 มีมูลค่าการส่งออกรวมทั้งสิ้น 664.13 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.63 และ 34.63 ตามลำดับ มูลค่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากต่างประเทศ จากการที่เศรษฐกิจของตลาดหลักของไทย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร เริ่มฟื้นตัว อีกทั้งการส่งออกไปยังตลาดรองของไทย เช่น ประเทศสมาชิกกลุ่มอาเซียนประเทศแถบเอเซียใต้และประเทศแถบตะวันออกกลาง ยังขยายตัวได้ดี

สำหรับรายละเอียดการส่งออกในแต่ละประเภทผลิตภัณฑ์ของสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือน แบ่งเป็น 3 กลุ่มประเภทสินค้า ดังนี้

1) กลุ่มเครื่องเรือนและชิ้นส่วนเครื่องเรือน ประกอบด้วย เครื่องเรือนไม้ เครื่องเรือนอื่นๆ และชิ้นส่วนเครื่องเรือน ในไตรมาสนี้ มีมูลค่าการส่งออก 251.10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 38 ของมูลค่าการส่งออกในสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนทั้งหมด เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.39 และ 24.68 ตามลำดับ สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีสัดส่วนในการส่งออกมากที่สุดในกลุ่มนี้ คือ สินค้าประเภทเครื่องเรือนไม้ โดยตลาดส่งออกที่สำคัญของกลุ่มสินค้าประเภทเครื่องเรือนและชิ้นส่วนเครื่องเรือน คือ ประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย

2) กลุ่มผลิตภัณฑ์ไม้ ประกอบด้วยเครื่องใช้ทำด้วยไม้ อุปกรณ์ก่อสร้างไม้ กรอบรูปไม้ และ รูปแกะสลักไม้ ในไตรมาสนี้มีมูลค่าการส่งออก 54.47 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีสัดส่วนมูลค่าการส่งออกร้อยละ 8 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าประเภทไม้และเครื่องเรือนทั้งหมด เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มูลค่าการส่งออกลดลงร้อยละ 9.67 และ 11.30 ตามลำดับ โดยผลิตภัณฑ์ที่มีสัดส่วนการส่งออกมากที่สุดในกลุ่มนี้ คือ เครื่องใช้ทำด้วยไม้ ตลาดส่งออกที่สำคัญของกลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์ไม้ คือ ประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสวิตเซอร์แลนด์

3) กลุ่มไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์ไม้แผ่น ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์ไม้แปรรูป แผ่นไม้วีเนียร์ไม้อัด ไฟเบอร์บอร์ด (Fiber Board) และผลิตภัณฑ์ไม้อื่น ๆ โดยไตรมาสนี้มีมูลค่าการส่งออก 358.56 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีสัดส่วนมูลค่าการส่งออกคิดเป็นร้อยละ 54 ของมูลค่าการส่งออกสินค้าประเภทไม้และเครื่องเรือนทั้งหมด มูลค่าการส่งออกเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.11และ 55.57 ตามลำดับ โดยผลิตภัณฑ์ที่มีสัดส่วนในการส่งออกมากที่สุดในกลุ่มนี้ คือไม้แปรรูป รองลงมาคือไฟเบอร์บอร์ดและไม้อัด สำหรับตลาดส่งออกที่สำคัญของกลุ่มไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์ไม้แผ่น ได้แก่ ประเทศจีน มาเลเซีย และเวียดนาม

2.3 การนำเข้า

มูลค่าการนำเข้าในไตรมาสที่ 2 ปี 2552 มีจำนวน 149.86 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.94 และ 28.20 ตามลำดับ การนำเข้าสินค้าประเภทไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ส่วนใหญ่จะเป็นการนำเข้าวัตถุดิบไม้ท่อนประเภทไม้เนื้อแข็ง ได้แก่ ไม้แปรรูปและไม้ซุง ซึ่งนำเข้ามาผลิตสินค้าต่อเนื่อง เช่น เครื่องเรือนประเภทต่าง ๆ โดยไม้แปรรูปส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศมาเลเซีย ลาว และสหรัฐอเมริกา สำหรับไม้ซุงส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศเมียนมาร์และมาเลเซีย และในส่วนของผลิตภัณฑ์ไม้อัดและไม้วีเนียร์นำเข้าจากประเทศจีน มาเลเซีย และเมียนมาร์

3. สรุปและแนวโน้ม

การผลิตของอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนของไทยในไตรมาสที่ 2 ปี 2553 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนลดลง เนื่องจากเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมือง ทำให้ผู้ประกอบการลดปริมาณการผลิตลง

การจำหน่ายในประเทศของอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนของไทยในไตรมาสที่ 2ปี 2553 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนเพิ่มขึ้น เนื่องจากอุปสงค์ที่ยังมีอยู่ โดยเฉพาะตลาดกลางและตลาดบนและการได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล

สำหรับแนวโน้มการผลิตและการจำหน่ายในประเทศของอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนของไทยในไตรมาสที่ 3 ปี 2553 คาดว่าจะขยายตัว เพื่อรองรับการส่งออกที่มีแนวโน้มว่าจะขยายตัว และเพื่อตอบสนองต่ออุปสงค์ภายในประเทศที่ยังมีอยู่ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยง คือ ความวิตกกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศ เศรษฐกิจภายในประเทศและเศรษฐกิจโลก การปรับตัวของดอกเบี้ยเงินกู้ และต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น เช่น ราคาน้ำมัน ค่าขนส่ง เป็นต้น

การส่งออกของอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนของไทยในไตรมาสที่ 2 ปี 2553 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนเพิ่มขึ้น เนื่องจากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นของประเทศคู่ค้าหลักและคู่ค้ารองของไทย แสดงให้เห็นถึงการเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

สำหรับแนวโน้มการส่งออกของอุตสาหกรรมไม้และเครื่องเรือนในไตรมาสที่ 3 ปี 2553 คาดว่าจะขยายตัว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของโลกและของตลาดส่งออกหลักของไทยเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว อีกทั้งการส่งออกไปยังตลาดส่งออกรองก็ขยายตัวได้ดี อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยง คือ ความเปราะบางของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และราคาน้ำมัน

ในภาวะที่เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว ผู้ประกอบการควรเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้คุณภาพและความหลากหลาย โดยอิงกระแสความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่มีความซับซ้อนและความตระหนักด้านสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งควรเร่งศึกษาตลาดใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ เช่น ประเทศแถบอเมริกาใต้ เป็นต้น เพื่อกระจายความเสี่ยงต่อการพึ่งพาตลาดส่งออกหลัก

--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--

-พห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ