ศูนย์วิจัยธุรกิจ สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยทางธุรกิจ “เอแบคโพลล์ มินิเทรนด์ เมโทรเซ็กชวล” (ABAC POLL MiniTrends : Metrosexual)

ข่าวทั่วไป Thursday March 29, 2012 21:29 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--29 มี.ค.--เอแบคโพลล์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยธุรกิจ สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดตัวโครงการ “เอแบคโพลล์ มินิเทรนด์ (ABAC POLL MiniTrends)” เพื่อกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจขึ้น โดยเป็นโครงการรายงานข้อมูลทางธุรกิจแก่กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจเป็นรายไตรมาสชี้ให้เห็นถึงกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มมาแรงหรือน่าสนใจเป็นพิเศษเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนธุรกิจจากข้อมูลผลวิจัยทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพที่ได้จากการสำรวจของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ และที่มีอยู่แล้วในตลาดและสังคมข้อมูลข่าวสาร ซึ่งโครงการดังกล่าวนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาวิจัย ส่วนจะนำไปใช้ควรจะต้องพิจารณาส่วนอื่นๆด้วย “เมโทรเซ็กชวล (Metrosexual)” คือ ผู้ชายในสังคมเมืองที่ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกของตนเอง มีกำลังการซื้อ สนใจเรื่องคุณภาพมากกว่าราคา เน้นแบรนด์เป็นหลัก เมื่อพอใจก็ซื้อเลย และมีloyalty ค่อนข้างสูง ในอดีตเรื่องความสวยความงามและการใช้เครื่องสำอางถูกตีกรอบอยู่กับเฉพาะเพศหญิง แต่หลายปีที่ผ่านมามีผลการศึกษาวิจัยหลายชิ้นทั้งของไทยและต่างประเทศ ชี้ชัดว่าเรื่องความสวยงามไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงเพศหญิงอีกต่อไป ผู้ชายก็สามารถดูแลตนเอง ใช้เครื่องสำอาง ติดตามแฟชั่น และมีความงามในแบบของผู้ชายได้เช่นกัน ซึ่งเราเรียกผู้ชายกลุ่มนี้ว่า “เมโทรเซ็กชวล (Metrosexual)” คนกลุ่มนี้นอกจากจะนิยมดูแลสุขภาพแล้ว ยังชอบช็อปปิ้ง ใช้สินค้าแบรนด์เนม สะท้อนความเป็นคนทันสมัยและการรักเปลี่ยนแปลง มีความสนใจในเทคโนโลยี มีความมุ่งมั่นและทุ่มเทในการทำงานและการพัฒนาตนเอง เพื่อความสำเร็จในหน้าที่การงาน นอกจากนี้ผลสำรวจของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ชี้ว่า ชายไทยยุคใหม่กว่า 35% มีทัศนคติและพฤติกรรมที่ดูแลร่างกายตัวเองมากขึ้น โดยส่วนใหญ่มักจะซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงผิวพื้นฐาน เช่น ผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่ง โฟมล้างหน้า ครีมกันแดด ซึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดดังกล่าวขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ คือ วิถีชีวิต สภาพสังคม และค่านิยมที่ทำให้ผู้ชายอยากดูดีเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง พฤติกรรมการบริโภคดังกล่าวส่งผลให้ตลาดเมโทรเซ็กชวลมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและอาจมีมูลค่ารวมของยอดขายพุ่งทะลุ 10,000 ล้านบาทได้ไม่อย่างไม่ยากเย็นนัก โดยตัวเลขดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงภาพของการแข่งขันและขยายตัวของตลาดเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจ SME ชาวไทยในการเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในตลาดนี้ ดร.นพดล กล่าวว่า ผลการศึกษาพฤติกรรมของชายไทยดังกล่าวทั้งจากการวิจัยเชิงสำรวจและการวิจัยเชิงคุณภาพ พบว่า ตัวอย่างกว่า 1 ใน 4 ของผู้ชายที่ถูกศึกษามีพฤติกรรมการดูแลรูปลักษณ์ การติดตามแฟชั่น ใช้สินค้าแบรนด์เนม และความสวยความงาม เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการซื้อผลิตภัณฑ์บำรุงร่างกายและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว รวมถึงการใช้บริการคลีนิคและสถานเสริมความงามต่างๆ นอกจากนี้ผลของการสัมภาษณ์เจาะลึกกับกลุ่มเป้าหมายยังย้ำชัดว่าส่วนใหญ่เชื่อว่าการได้ดูแลตนเองทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นในการปฏิสัมพันธ์กับคนในสังคม และการมีบุคลิกภาพที่ดีสามารถเอื้อประโยชน์ต่อโอกาสความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน รวมทั้งการดึงดูดเพศตรงข้ามด้วย โอกาสทางด้านธุรกิจ ผลการวิจัยยังชี้ให้เห็นถึง “โอกาสทางธุรกิจ” เนื่องด้วย เมื่อผู้ชายส่วนใหญ่ให้ความสำคัญต่อความสวยงามกันมากขึ้น และโดยนิสัยผู้ชายที่มักจะไม่ใส่ใจเรื่องของราคาหรือโปรโมชั่นมากนัก แต่ให้ความสำคัญกับคุณภาพตัวสินค้าหรือแบรนด์เป็นหลัก และด้วยการตัดสินใจซื้อที่รวดเร็วตามบุคลิกของผู้ชายทั่วไป จึงทำให้บริษัทที่ดูแลเกี่ยวข้องกับความสวยความงาม และผู้ผลิตเครื่องสำอางชื่อดังทั้งหลายเน้นกลยุทธ์เชิงรุกในด้านการตลาดเครื่องสำอางผู้ชายอย่างจริงจังมากขึ้น เพราะเชื่อว่าโอกาสทางธุรกิจของตลาดเครื่องสำอางผู้ชายยังสามารถเติบโตได้อีก กลยุทธ์ทางการตลาด ผลจากการวิจัยยังพบด้วยว่า การดำเนินธุรกิจประเภทนี้ ผู้ประกอบการจะต้องมีการปรับกลยุทธ์เพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าเป็นอย่างมาก เช่น การแยกเคาน์เตอร์แบรนด์อย่างเป็นสัดส่วนของชายและหญิง การขายสินค้าผ่านร้านผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางสื่อต่างๆ ที่สามารถสื่อสารให้กลุ่มเป้าหมายรับรู้ถึงยี่ห้อสินค้ามากยิ่งขึ้น แจกผลิตภัณฑ์เพื่อทดลองใช้ รวมถึงการทำโฆษณา ณ จุดขาย ซึ่งสินค้าสำหรับผู้ชายอาจจะไม่จำเป็นต้องเน้นการจัดโปรโมชั่น และราคาเหมือนกับผู้หญิง แต่ต้องมีการให้ข้อมูลที่ครบถ้วน เข้าใจง่าย รวมถึงควรมีการออกแบบ Packaging ที่เรียบเหมาะกับผู้ชายและสามารถพกพาได้สะดวก เพื่อดึงดูดให้กลุ่มลูกค้าผู้ชายมีความประทับและกลับมาเป็นลูกค้าประจำในที่สุด แผนการดำเนินงาน นอกจากนี้ผลจากการวิจัยยังพบว่า ผู้ประกอบการต่างทำแผนเชิงรุก เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาด ผ่านการทำส่วนผสมทางการตลาด เช่น ปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ การแตกไลน์ผลิตภัณฑ์เพื่อให้ครอบคลุม และปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จ คือการทำวิจัยกับตลาดกลุ่มนี้ เช่น การสัมภาษณ์เชิงลึก และการทำ focus group กับกลุ่มผู้บริโภค เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาพัฒนานวัตกรรมของสินค้าและการให้บริการ โดยส่งข้อความต่างๆเพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความตระหนักในการต้องดูแลตัวเอง นอกจากนี้ ธุรกิจประเภทนี้ยังได้มีการนำดารา นักแสดงชั้นนำ เช่น เคน-ธีรเดช และโดม-ปกรณ์ ลัม มาเป็นพรีเซนเตอร์ เพื่อดึงดูดความสนใจโดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่มักจะใช้อารมณ์ตัดสินซื้อสินค้าตามความนิยม การวิเคราะห์ทางการเงิน ผลจากการวิจัยในครั้งนี้ได้มีการทำวิจัยเชิงคุณภาพกับกลุ่มผู้ประกอบการแฟรนไชส์ด้านความงามรายย่อย พบว่า ผู้ประกอบการมักใช้เงินในการลงทุนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2-3 แสนบาท และค่าประกันที่ผู้ประกอบการจะได้รับคืนเมื่อเลิกกิจการประมาณ 5 หมื่นบาท โดยผู้ประกอบการจะได้รับสินค้าพร้อมจำหน่าย การออกแบบร้าน รวมไปถึงอุปกรณ์ต่างๆ ด้วย นอกจากนี้ เมื่อสอบถามถึงการใช้จ่ายในแต่ละครั้งของผู้ชาย พบว่า โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 500 บาทขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ตัวเลขข้างต้น ขึ้นอยู่กับขนาดและประเภทของกิจการแฟรนไชส์ด้านความงาม ผลสรุปจากการศึกษา ผลจากการศึกษาครั้งนี้ในภาพรวม พบว่า ตลาดเมโทรเซ็กชวลมีแนวโน้มการขยายตัวในทุกระดับธุรกิจ ตัวเลขต่างๆที่ชี้ชัดถึงความต้องการบริโภค ศักยภาพในการซื้อสินค้าและบริการที่สูงของคนกลุ่มดังกล่าว ทำให้การแข่งขันกันอย่างเข้มข้น นอกจากนี้ยังพบว่า การที่ทำให้ธุรกิจนี้มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว มาจาก”การเปิดแฟรนไชส์” ซึ่งเจ้าของแฟรนไชส์เป็นผู้เตรียมความพร้อมทั้งด้านทักษะ อุปกรณ์ เครื่องมือ และผลิตภัณฑ์เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเปิดกิจการได้สะดวกรวดเร็ว และสิ่งที่ผู้ลงทุนควรให้ความสำคัญ คือ ทำเล ที่ตั้ง ควรตั้งอยู่ในแหล่งชุมชน และมีการกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ นอกจากกรุงเทพฯ เช่น จังหวัดหัวเมืองใหญ่ตามภูมิภาคถือว่าเป็นทำเลที่น่าสนใจในการลงทุนเพราะความหนาแน่นของประชากรและกำลังทรัพย์ ซึ่งเป็นการขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ หวังว่าผู้ประกอบการ SME ผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้ที่สนใจในธุรกิจดังกล่าวจะสามารถนำข้อมูลที่สะท้อนภาพสถานการณ์ตลาดในปัจจุบันมาปรับใช้กับการดำเนินธุรกิจได้เป็นอย่างดีต่อไป สำหรับรายละเอียดผลวิจัยและการสมัครเป็นสมาชิกรับข้อมูลผลวิจัยจากโครงการ ABAC POLL MiniTrends โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ abacpoll.au@gmail.com หรือ โทร 02-719-1546-7

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ