(ต่อ5) โครงการประเมินผลการพัฒนาอุตสาหกรรมรายสาขา (การประเมินนโยบายและมาตรการที่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอาหาร)

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday April 1, 2003 14:11 —สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม

ตารางที่ 3.6 สรุปสถานะโครงการภายใต้แผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม ระยะที่ 2 (ปีงบประมาณ 2544) สิ้นสุด ณ เดือนมิถุนายน 2545 ในบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหาร รายการ จ่ายจริง เบิกจ่าย ผูกพัน เดือนที่ดำเนิน (บาท) (บาท) (บาท) โครงการแล้วเสร็จ สำนักงบประมาณอนุมัติค่าใช้จ่าย 591,476,633.84 755,653,278.49 296,579,535.04 - โครงการฝึกอบรมเกษตรกรเพาะเลี้ยงกุ้ง 222,239.00 253,957.00 - สิงหาคม 2544 โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากของเหลือใช้ 738,912.53 947,000.00 - กันยายน 2544 ในอุตสาหกรรมปลากระป๋อง โครงการพัฒนาวิทยากรทางเทคโนโลยี 22,256,199.47 22,256,200.00 - การผลิต โครงการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมผู้ควบคุม 974,538.50 974,538.50 - มีนาคม 2545 เครื่องฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ในผลิตภัณฑ์อาหาร กระป๋อง โครงการพัฒนาระบบการจัดการวัตถุดิบ 2,480,744.02 2,480,744.02 - มีนาคม 2545 สัตว์น้ำ โครงการพัฒนาระบบตรวจสอบคุณภาพข้าว 5,517,958.50 5,517,958.50 - มีนาคม 2545 เพื่อการสร้างภาพลักษณ์ข้าวหอมมะลิไทย โครงการคุณสมบัติแป้งมันสำปะหลังและ 867,826.45 891,000.00 - เมษายน 2545 การปรับปรุงเพื่อพัฒนาการใช้ประโยชน์ ในอุตสาหกรรมอาหาร โครงการพัฒนาบุคลากรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ 65,915,700.00 65,915,700.00 - เมษายน 2545 การผลิต การบริหาร และการจัดการ โครงการยกระดับคุณภาพวัตถุดิบและ 3,917,787.50 3,917,787.50 1,176,000.00 พฤษภาคม 2545 ผลิตภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมขนาดกลาง และขนาดย่อมที่มา : สรุปผลการดำเนินงานโครงการภายใต้แผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม สะสม ณ เดือน มิถุนายน 2545 (4) หน่วยงานหลัก และหน่วยงานสนับสนุน ที่รับผิดชอบการดำเนินงานตามโครงการต่างๆ ตามแผนปรับโครงสร้างฯยังขาดความพร้อม เนื่องจากแต่ละหน่วยงานมีภาระจากงานประจำจำนวนมาก ทำให้การดำเนินงานตามโครงการใหม่ให้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผลเป็นไปได้ยาก (5) ผู้ประกอบการที่ได้รับบริการมักจะกระจุกตัวอยู่ในโรงงานอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเป็นหลัก ยังไม่สามารถกระจายบริการไปสู่ภูมิภาค โดยเฉพาะ อุตสาหกรรมอาหารซึ่งส่วนใหญ่มีโรงงานตั้งอยู่ในภูมิภาค ซึ่งอยู่ใกล้กับแหล่งวัตถุดิบเป็นหลัก ทำให้โรงงานจำนวนมากในภูมิภาคยังไม่ได้รับประโยชน์จากโครงการเท่าที่ควร (6) ในทางปฏิบัติถึงแม้ในแผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมจะมีการกำหนดหน่วยงานหลัก และหน่วยงานสนับสนุนในแต่ละโครงการ และเน้นประสิทธิภาพและประสิทธิผลตามตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการ แต่ในทางปฏิบัติการดำเนินการกลับเน้นประสิทธิภาพเป็นหลัก โดยไม่คำนึงถึงความสัมฤทธิ์ผลของโครงการเท่าที่ควร ทั้งนี้ส่วนหนึ่งคาดว่ามีเหตุผลหลักมาจากกรอบระยะเวลาการดำเนินงานที่ค่อนข้างจำกัด การดำเนินการเป็นไปอย่างเร่งรีบ (7) โครงการต่างๆที่นำเสนอยังขาดความเชื่อมโยงระหว่างโครงการ เช่น การวิเคราะห์ สถานภาพของสถานประกอบการ ซึ่งหลังจากประเมินแล้วพบมีปัญหาในหลายกรณี เช่น ปัญหาทักษะด้านแรงงาน และปัญหาเทคโนโลยีการผลิต เป็นต้น แต่ขาดโครงการด้านพัฒนาทักษะ แรงงาน ในขณะที่มีโครงการปรับปรุงเทคโนโลยีการผลิต ซึ่งทำให้การเพิ่มศักยภาพไม่สามารถดำเนินการเป็นระบบและครบวงจร (8) การประสานงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเชิงบูรณาการยังขาดประสิทธิภาพ ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากกฎระเบียบเดิมไม่เอื้อให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีข้อจำกัดของบุคลากร ซึ่งรวมถึงผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และเครื่องมืออุปกรณ์ที่เพียงพอในการดำเนินงานตามโครงการ ทำให้ขาดประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำเนินงานโครงการ (9) สถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการบางส่วนยังมีปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-performing Loan) การขอสินเชื่อหรือการดำเนินการเพื่อปรับปรุงแก้ไขของปัญหาองค์กรหรือสถานประกอบการจึงมีข้อจำกัด และเป็นอุปสรรคสำคัญของการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นโดยภาพรวมแล้ว แผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ในช่วงปี2542-ปัจจุบัน ยังไม่เกิดความสัมฤทธิ์ผลตามวัตถุประสงค์ โดยมีสาเหตุหลักเนื่องมาจากถูกกดดันด้วยเงื่อนของกรอบระยะเวลา และงบประมาณที่จำกัด การเสนอโครงการเพื่อตอบสนอง 8 แผนงาน เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เสริมสร้างประสิทธิภาพการผลิตและยกระดับศักยภาพการส่งออก จึงเป็นไปลักษณะของโครงการที่มีความเป็นไปได้ในการดำเนินการมากกว่าที่จะเป็นโครงการที่สามารถแก้ไขปัญหาของอุตสาหกรรมที่แท้จริงและเป็นระบบ ขณะเดียวกันการกระจายตัวของงบประมาณให้กับทุกโครงการที่ได้รับอนุมัติ ซึ่งทำให้มีเงินสนับสนุนแต่ละโครงการไม่เพียงพอ และไม่เกิดประสิทธิผลในทางปฏิบัติ ในขณะเดียวกันความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ มีส่วนที่ทำให้ประสิทธิผลของแผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมด้อยลง อย่างไรก็ตามการดำเนินนโยบายปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอาหาร ได้ก่อให้เกิดผลดีหลายประการแก่อุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหาร ดังนี้ (1) เป็นจุดเริ่มของนโยบาย แผนงาน และกลยุทธ์การพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารที่มีความ ชัดเจนและเป็นรูปธรรมเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมาซึ่งไม่มีแผนและไม่ได้แก้ปัญหาในภาพรวม แต่แผนปรับโครงสร้างฯให้ความสำคัญตั้งแต่การผลิต การแปรรูป และการตลาด ซึ่งสอดคล้องกับสถานะทางเศรษฐกิจของประเทศ และกระแสโลก ซึ่งเกิดจากการประสานงานและพิจารณาร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งรวมถึงสถาบันการเงินและผู้ชำนาญการเฉพาะด้าน มีการวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็ง อุปสรรค และโอกาส ของอุตสาหกรรมร่วมกัน จนกระทั่งนำไปสู่การกำหนดนโยบาย แผนงาน และกลยุทธ์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารที่ชัดเจน (2) เป็นแผนที่มีความชัดเจนในแง่ของการบูรณาการร่วมกันในการปรับโครงสร้าง อุตสาหกรรม โดยหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทั้งระหว่างกรม และระหว่างกระทรวง ทั้งที่เป็น ผู้รับผิดชอบหลักและที่เป็นผู้สนับสนุน ได้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการปรับโครงสร้าง ซึ่งสอดรับกับหน้าที่ความรับผิดชอบและปัญหาของอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นดีกว่าในอดีตซึ่งการ แก้ไขปัญหาของอุตสาหกรรมเป็นไปในลักษณะต่างฝ่ายต่างทำโดยไม่มีการประสานงาน ทำให้เกิดความซ้ำซ้อนและการใช้งบประมาณขาดประสิทธิภาพ (3) ตามแผนปรับโครงสร้างมีการอนุมัติงบประมาณเพื่อสนับสนุนโครงการรวมเป็นกลุ่มโครงการ (Package) ดีกว่าการอนุมัติเป็นรายโครงการซึ่งขาดความเชื่อมโยง โดยก่อให้เกิดประโยชน์คือทำให้ความสามารถในการกำกับดูแล และพัฒนาโครงการต่างๆ ให้บรรลุเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น (4) เกิดการพัฒนาแฝงในระบบอุตสาหกรรมอาหาร กล่าวคือเจ้าหน้าที่ภาครัฐ และ ผู้ประกอบการในภาคเอกชน มีความเข้าใจ และเกิดความตื่นตัวในการพัฒนาองค์กร ขณะเดียวกันการทำงานของเจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการไปทิศทางที่สอดคล้องกับภาวะธุรกิจอุตสาหกรรมากขึ้นและมีมุมมองในการพัฒนาอุตสาหกรรมไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้การส่งเสริมอุตสาหกรรมในระยะต่อไปเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง และการลงทุนของสถานประกอบการมีการวางแผนและเป็นระบบมากขึ้น เช่น การปรับกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมอาหารเข้าสู่ระบบ HACCP มีมากขึ้น เป็นต้น (5) การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม มีส่วนช่วยให้เกิดการพัฒนาและปรับปรุงระบบการจัดการ ลดต้นทุนการผลิต ปรับปรุงให้แรงงานมีคุณภาพ และมีกำลังการผลิตที่มีแนวโน้มของการปรับตัวดีขึ้น 3.1.2 แผนแม่บทเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตร แผนแม่บทเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตร เป็นอีกแผนหนึ่งที่เสริมประสิทธิภาพหรือ ศักยภาพของแผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมรายสาขา เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการเพิ่มศักยภาพด้านการผลิตและการส่งออกของสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรมอาหาร โดยมีคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตร เป็นผู้รับผิดชอบในการจัดทำแผนแม่บทเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตร โดยแผนแม่บทฯ เกิดขึ้นมาจากการศึกษาสถานภาพ โครงสร้างด้านการผลิต การตลาด การส่งออก และปัญหาอุปสรรคต่างๆของอุตสาหกรรมเกษตร โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี ระหว่างปี พ.ศ. 2543-2547 เป็นการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานหลัก และหน่วยงานสนับสนุนในการจัดทำแผนปฏิบัติการ และแผนเงิน ซึ่งคล้ายคลึงกับแนวทางของแผนปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมรายสาขา ทั้งนี้แผนแม่บทฯ ดังกล่าวเป็นแผนแม่บทที่เน้นการเชื่อมโยงระหว่างภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งได้แบ่งกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมตามการตลาดออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1) กลุ่มอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อการส่งออก 2) กลุ่มอุตสาหกรรมผลิตเพื่อทดแทนการนำเข้า และ 3 กลุ่ม) อุตสาหกรรมแปรรูปพื้นบ้านหรืออุตสาหกรรมชนบท โดยในส่วนของอุตสาหกรรมอาหารได้ถูดจัดไว้ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ผลิตเพื่อการส่งออก ประกอบด้วย (1) ผลิตภัณฑ์จากประมง (2) ผลิตภัณฑ์จากปศุสัตว์ (3) ผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้ (4) ผลิตภัณฑ์จากข้าวและธัญพืช (5) ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง วัตถุประสงค์ของแผนแม่บทเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตร คือ (1) เพื่อเป็นกลไกในการวางแผนและประสานความร่วมมือในการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรอย่างเป็นระบบในทิศทางที่สอดคล้องกัน ตั้งแต่การผลิตวัตถุดิบ การแปรรูป ด้านอุตสาหกรรม และการจำหน่ายทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ (2) เพื่อเสนอแนวทางในการพัฒนาแหล่งวัตถุดิบ การจัดหาวัตถุดิบขั้นต้น และการเพิ่มศักยภาพการผลิตวัตถุดิบให้สอดคล้องกับความต้องการในการผลิตระดับโรงงาน ซึ่งจะนำไปสู่ แผนงาน/โครงการที่เป็นการสนับสนุนต่อไป (3) เพื่อพัฒนาคุณภาพมาตรฐานและรูปแบบการผลิตผลิตภัณฑ์ ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด เพื่อการขยายตลาดและสร้างโอกาสในการแข่งขันในตลาด (4) เพื่อนำไปสู่การจัดทำแผนงาน/โครงการที่จะเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมการเกษตรของประเทศให้มีขีดความสามารถในการผลิต และการแข่งขันในตลาดได้อย่างต่อเนื่องต่อไป แผนงานหลักในแผนพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหาร ประกอบด้วยแผนงาน และหน่วยงานรับผิดชอบ ดังรายละเอียดในตารางที่ 3.7ตารางที่ 3.7 แผนงานและหน่วยงานรับผิดชอบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหารภายใต้ แผนแม่บทเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตร กลุ่มอุตสาหกรรม แผนงาน หน่วยงานหลัก จำนวนหน่วยงาน สนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่เป็นอาหาร (Food)(1) ผลิตภัณฑ์จากประมง (1) พัฒนาแหล่งวัตถุดิบและปรับปรุง กระทรวงเกษตรและ 16(2) ผลิตภัณฑ์จากปศุสัตว์ ประสิทธิภาพการผลิต การพัฒนา สหกรณ์(3) ผลิตภัณฑ์จากผักและผลไม้ สายพันธุ์ และการจัดหาวัตถุดิบขั้นต้น(4) ผลิตภัณฑ์ข้าว (2) รณรงค์และส่งเสริมให้มีการใช้ระบบ กระทรวงอุตสาหกรรม 6 การจัดการคุณภาพ และการจัดการ ความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล (3) สนับสนุนการเลือกใช้เทคโนโลยีที่ทัน กระทรวงอุตสาหกรรม 6 สมัยและเหมาะสมเพื่อการปรับเปลี่ยน เครื่องจักรและเทคโนโลยี (4) ส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุ กระทรวงวิทยาศาสตร์ 4 ภัณฑ์ให้มีมูลค่าเพิ่มและสอดคล้องกับ เทคโนโลยีและ ความนิยมของตลาดเป้าหมาย สิ่งแวดล้อม (5) ส่งเสริมภาพลักษณ์ของสินค้าไทยและ กระทรวงพาณิชย์ 4 Brand Name ของไทย (6) เสริมสร้างขีดความสามารถด้านการตลาด กระทรวงพาณิชย์ 5 และความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างรัฐ และเอกชน (7) เสริมสร้างศักยภาพในการผลิต และ กระทรวงอุตสาหกรรม 6 การแข่งขันกับอุตสาหกรรม(ยังมีต่อ)

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ