“สำนักงานกิจการยุติธรรม” ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบการดำเนินงานตามนโยบายด้านการพัฒนากฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ร่วมกับ “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่อยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล กรณี นโยบายเร่งด่วนของกระบวนการยุติธรรมที่ประชาชนคิดว่าภาครัฐควรเร่งจัดสรร งบประมาณ และวิธีดำเนินการเพื่อให้นโยบายเหล่านี้เห็นผลเป็นรูปธรรมและเป็นที่พึงพอใจของประชาชน จำนวนทั้งสิ้น 636 คน สำรวจระหว่างวันที่ 22-27 กันยายน 2559 สรุปผล ได้ดังนี้
1. “6 นโยบายเร่งด่วน” ที่ประชาชนคิดว่าภาครัฐควรเร่งจัดสรรงบประมาณมากที่สุด
อันดับ 1 การพัฒนา ปรับปรุง และบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ 70.84%
อันดับ 2 การพัฒนาระบบการป้องกันอาชญากรรมให้มีประสิทธิภาพ 64.02%
อันดับ 3 การเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมให้แก่ประชาชน 63.81%
อันดับ 4 การพัฒนาระบบการบริการของหน่วยงานของรัฐให้มีประสิทธิภาพ 59.71%
อันดับ 5 การพัฒนาระบบกระบวนการยุติธรรมทางเลือกให้มีประสิทธิภาพ 53.51%
อันดับ 6 การพัฒนาระบบควบคุม แก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดและการช่วยเหลือดูแลผู้พ้นโทษ 40.43%
2. จาก “6 นโยบายเร่งด่วน” ประชาชนคิดว่ากระบวนการยุติธรรมควรดำเนินการอย่างไรเพื่อให้นโยบายเหล่านี้เห็นผลเป็นรูปธรรมและเป็นที่พึงพอใจของประชาชนมากที่สุด
(2.1) การพัฒนาระบบการบริการของหน่วยงานของรัฐให้มีประสิทธิภาพ ควรดำเนินการดังนี้
อันดับ 1 กำหนดระยะเวลาในการบริการแต่ละขั้นตอนให้ชัดเจนและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึง 75.91%
อันดับ 2 นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ในการบริการประชาชน เช่น การให้บริการผ่าน Internet 65.24%
หรือ Application บนโทรศัพท์มือถือ
อันดับ 3 ปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการให้เป็นแบบเบ็ดเสร็จในที่สถานที่เดียว (One Stop Service) 64.37%
อันดับ 4 ให้ประชาชนประเมินหรือให้คะแนนความพึงพอใจในการรับบริการ ณ จุดรับบริการ 58.67%
(2.2) การพัฒนาระบบควบคุม แก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดและการช่วยเหลือดูแลผู้พ้นโทษ ควรดำเนินการดังนี้
อันดับ 1 จัดตั้งองค์กรเพื่อทำหน้าที่ในการดูแล ช่วยเหลือ ให้คำปรึกษา ฟื้นฟูแก่ผู้พ้นโทษโดยเฉพาะ 69.94%
อันดับ 2 สร้างระบบในการดูแลผู้พ้นโทษในระยะแรกที่ได้รับการปล่อยตัว เช่น จ้างงานในหน่วยงานรัฐในระยะสั้น 69.36%
จัดหาที่พักอาศัยให้ในช่วงแรก
อันดับ 3 นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการควบคุม แก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดให้มากขึ้น เช่น การใช้เครื่องมือ 68.20%
อิเล็กทรอนิกส์ (EM) มาใช้ควบคุมตัวผู้กระทำผิด
อันดับ 4 ประชาสัมพันธ์และรณรงค์ให้สังคมยอมรับและให้โอกาสผู้พ้นโทษ 59.00%
(2.3) การพัฒนาระบบการป้องกันอาชญากรรมให้มีประสิทธิภาพ ควรดำเนินการดังนี้
อันดับ 1 เพิ่มสายตรวจลาดตระเวน ติดตั้งกล้องวงจรปิด เพิ่มเสาไฟส่องสว่างในพื้นที่มืดอันตราย 75.33%
อันดับ 2 ปรับปรุงสถานีตำรวจให้มีความทันสมัย มีความพร้อมในการตอบสนองความต้องการของประชาชนในทุกด้าน 67.04%
อันดับ 3 สำรวจพื้นที่เสี่ยงภัยต่ออาชญากรรมและประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ประชาชนรับทราบ 62.46%
อันดับ 4 สร้างเครือข่ายภาคประชาชนในชุมชน เพื่อเฝ้าระวังแจ้งเบาะแสอาชญากรรม 60.23%
(2.4) การเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมให้แก่ประชาชน ควรดำเนินการดังนี้
อันดับ 1 ผลักดันให้มีหลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อให้ความรู้ทางกฎหมายและปลูกฝังการสร้างจิตสำนึก 73.22%
ในการเคารพและปฏิบัติตามกฎหมายให้แก่เด็กและเยาวชนในทุกระดับ
อันดับ 2 จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เช่น Infographic หรือการ์ตูน 68.26%
อันดับ 3 เผยแพร่ผ่านช่องทางที่ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย เช่น โทรทัศน์ Internet Application 66.00%
อันดับ 4 เผยแพร่กฎหมายหรือระเบียบที่ออกใหม่ให้ประชาชนได้รับทราบเป็นระยะๆ 59.16%
(2.5) การพัฒนา ปรับปรุง และบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ ควรดำเนินการดังนี้
อันดับ 1 ลงโทษเจ้าหน้าที่ที่กระทำการทุจริต หรือไม่บังคับใช้กฎหมายตามหน้าที่อย่างจริงจัง 80.20%
อันดับ 2 เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการออกหรือปรับปรุงกฎหมาย 63.06%
อันดับ 3 ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่ล้าสมัยให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน 62.16%
อันดับ 4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการตรวจสอบการฝ่าฝืนกฎหมายให้มากขึ้น เช่น อุปกรณ์ตรวจจับความเร็ว 57.17%
กล้องตรวจจับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร
(2.6) การพัฒนาระบบกระบวนการยุติธรรมทางเลือกให้มีประสิทธิภาพ ควรดำเนินการดังนี้
อันดับ 1 ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบข้อมูลและผลดีของกระบวนการยุติธรรมทางเลือก/การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท 76.16%
อันดับ 2 ส่งเสริมบทบาทของผู้นำชุมชน/เครือข่ายโดยการอบรมให้ความรู้ที่เกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมทางเลือก/ 67.38%
การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
อันดับ 3 เร่งรัดและผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทให้มีผลบังคับใช้โดยเร็ว 65.57%
อันดับ 4 เปิดโอกาสให้เครือข่ายหรืออาสาสมัครสามารถดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพพาทได้ 54.78%
--สวนดุสิตโพล--