ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 23 กันยายน 2559 - 29 กันยายน 2559
ภาคเหนือ
มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ ตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 23-24 ก.ย. มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 28-29 ก.ย. มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนของภาคอุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.
- พื้นที่การเกษตร : ฝนตกต่อเนื่อง : พื้นที่การเกษตรที่ถูกน้ำท่วมในระยะที่ผ่านมา หากระดับน้ำลดลงแล้ว เกษตรกรควรรีบระบายน้ำออกจากแปลงปลูกอย่าปล่อยให้น้ำขังบริเวณโคนต้นพืชนาน เพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศหายใจ เน่า และตายได้
- ไม้ผล : ฝนตกชุก อากาศชื้น : ดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรครากเน่าโคนเน่า
- ข้าวนาปี : ฝนตกต่อเนื่อง อากาศชื้น : ระวังโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคไหม้ และศัตรูพืช เช่น หอยเชอรี่
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ ตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 23-24 ก.ย. มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาคส่วนในช่วงวันที่ 28-29 ก.ย. มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.
- พื้นที่การเกษตร : ฝนตกต่อเนื่อง : สำหรับพื้นที่การเกษตรที่ถูกน้ำท่วมในระยะที่ผ่านมา หากระดับน้ำลดลงแล้ว เกษตรกรควรรีบระบายน้ำออกจากแปลงปลูกอย่าปล่อยให้น้ำขังบริเวณโคนต้นพืชนาน เพราะจะทำให้รากพืชเน่า ต้นพืชตายได้
- สัตว์น้ำ : เกษตรกรไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้ำเปลี่ยน สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- ข้าวนาปี ฝนตกต่อเนื่อง อากาศชื้น : โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคไหม้ และศัตรูพืช เช่น หอยเชอรี่
ภาคกลาง ในช่วงวันที่ 23-25 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 26-29 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. -
- พื้นที่การเกษตร : พื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้น้ำขังในพื้นที่เพาะปลูก ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
- สัตว์เลี้ยงเกษตรกรควรดูแลหลังคาโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้รั่วซึม พื้นคอกไม่ชื้นแฉะ เพื่อป้องกันสัตว์เปียกชื้น หนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- ข้าวนาปี ฝนตกต่อเนื่อง อากาศชื้น : โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคไหม้ และศัตรูพืช เช่น หอยเชอรี่
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 23-25 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 26-29 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1- 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส
- ไม้ผล ฝนตกชุก : ชาวสวนผลไม้ควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรครากเน่าโคนเน่า
- ยางพารา อากาศมีความชื้นสูง :โรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคเส้นดำ และโรคใบยางร่วงลูกยางเน่า เป็นต้น
- พืชไร่ สภาพอากาศชื้นสูง : ควรป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคแอนแทรกโนสในมันสำปะหลังและโรคแส้ดำในอ้อย เป็นต้น
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 23-24 ก.ย. มีฝน ฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 26-29 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส
- ยางพารา ฝนที่ตกติดต่อกัน ทำให้ความชื้นในดินและในอากาศสูง ชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบยางร่วงลูกยางเน่า โรคเส้นดำ และโรคราสีชมพู เป็นต้น
- ประมงชายฝั่ง คลื่นลมมีกำลังแรง: ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งบริเวณทะเลอันดามัน ควรระวังความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ในช่วงวันที่ 23-24 ก.ย. มีฝน ฟ้าคะนอง ร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ กับมีฝน ตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 25-29 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มี ฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศาเซลเซียส
- ยางพารา ฝนที่ตกติดต่อกัน ทำให้ความชื้นในดินและในอากาศสูง ชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบยางร่วงลูกยางเน่า โรคเส้นดำ และโรคราสีชมพู เป็นต้น
- ประมงชายฝั่ง คลื่นลมมีกำลังแรง: ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งบริเวณทะเลอันดามัน ควรระวังความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
หมายเหตุ http://www.arcims.tmd.go.th/dailydata/PET7day.php
http://www.arcims.tmd.go.th/dailydata/MonthRain.php
ปริมาณฝนสะสมเดือนกันยายน (วันที่ 1 – 22 ก.ย.) ระยะที่ผ่านมาบริเวณประเทศไทยส่วนใหญ่มีปริมาณฝนสะสม 100-300 มม. เว้นแต่บางพื้นที่บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตก และภาคตะวันออก มีฝนสะสมเกิน 300 มม. ส่วนบริเวณตอนล่างของภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีปริมาณฝนสะสมต่ำกว่า 100 มม.
ปริมาณฝนสะสม 7 วันที่ผ่านมา ช่วงที่ผ่านมาบริเวณประเทศไทยส่วนใหญ่มีปริมาณฝนสะสม 40-100 มม. เว้นแต่บางพื้นที่ทางตอนบนของภาคเหนือ ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ฝั่งตะวันออก ที่มีฝนสะสมอยู่ระหว่าง 5-40 มม.ส่วนบริเวณที่มีฝนสะสมมากกว่า 100 มม. ได้แก่บริเวณภาคกลางตอนบน ตอนกลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก
ศักย์การคายระเหยน้ำ ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาบริเวณประเทศไทยส่วนใหญ่มีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 20-25 มม. ส่วนทางด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก เละภาคใต้ตอนล่าง มีค่าศักย์การคายระเหยน้ำสะสม 30 มม.
สมดุลน้ำ ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาประเทศไทยมีสมดุลน้ำส่วนใหญ่มีค่าเป็นบวก โดยมีค่าอยู่ในช่วง 20-70 มม. ส่วนบริเวณภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีค่าสมดุลน้ำอยู่ในช่วง 100-300 มม. ส่วนด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ฝั่งตะวันออก มีค่าสมดุลน้ำอยู่ระหว่าง (-1) ถึง (-30) มม.
คำแนะนำ : ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาบริเวณประเทศไทยสมดุลน้ำส่วนใหญ่มีค่าเป็นบวก และในช่วง 7 วันข้างหน้ายังคงมีฝนตกต่อไปอีก เกษตรกรควรระวังป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา สำหรับพื้นที่การเกษตรที่เป็นที่ลุ่มเกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วม ส่วนพื้นที่ซึ่งมีน้ำท่วมในระยะที่ผ่านมา หากระดับน้ำลดลงแล้ว เกษตรกรควรรีบระบายน้ำออก อย่าให้น้ำขังในแปลงปลูกนาน เพราะจะทำให้รากพืชเน่า ต้นพืชตายได้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74