ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและแนวโน้ม “บ. ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979” ที่ “BBB/Stable”

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 19, 2016 16:31 —ทริส เรตติ้ง

ทริสเรทติ้งยืนยันอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงประวัติอันยาวนานในการให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลแบบมีหลักประกันและคณะผู้บริหารซึ่งมากด้วยประสบการณ์ การจัดอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงความสามารถในการทำกำไรในระดับที่น่าประทับใจ ตลอดจนระดับฐานทุนที่เพียงพอ และช่องทางการให้สินเชื่อที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศของบริษัทด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตถูกจำกัดโดยสภาพการแข่งขันที่รุนแรง ภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ไม่เอื้ออำนวย ภาวะหนี้ครัวเรือนในประเทศที่อยู่ในระดับสูง และการที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทมีความอ่อนไหวเป็นอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะทางการตลาดและมีผลประกอบการที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถควบคุมคุณภาพสินเชื่อให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ด้วยเช่นกัน

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้ในกรณีที่บริษัทสามารถขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องและคงความสามารถในการทำกำไรในระดับที่น่าพอใจในขณะเดียวกันก็สามารถดำรงคุณภาพสินทรัพย์ในระดับสูงเอาไว้ได้อย่างสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากคุณภาพสินทรัพย์และความสามารถในการแข่งขันของบริษัทลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

บริษัทศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 ก่อตั้งในปี 2551 โดยครอบครัวตระกูลแก้วบุตตาซึ่งมีประสบการณ์อันยาวนานในธุรกิจให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลแบบมีหลักประกันนับตั้งแต่ปี 2522 โดยบริษัทให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลซึ่งมีหลักประกันเป็นยานพาหนะประเภทต่าง ๆ (เช่น รถจักรยานยนต์ใช้แล้ว รถยนต์ รถบรรทุก ฯลฯ) รวมถึงที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ในปี 2557 บริษัทได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปัจจุบันผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทคือครอบครัวตระกูลแก้วบุตตาซึ่งถือหุ้นประมาณ 52% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด บริษัทยังมีบริษัทย่อยอีก 3 แห่งซึ่งประกอบด้วย บริษัท เงินสดทันใจ จำกัด ซึ่งให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีหลักประกัน บริษัท บริหารสินทรัพย์ เอส ดับบลิว พี จำกัด (เดิมชื่อ บริษัท บริหารสินทรัพย์ ศรีสวัสดิ์ จำกัด) ซึ่งให้บริการจัดเก็บหนี้และดำเนินธุรกิจซื้อหนี้เสียมาบริหาร และบริษัทที่เพิ่งก่อตั้งใหม่ คือ บริษัท ศรีสวัสดิ์ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจลงทุนในบริษัทอื่นที่ประกอบธุรกิจการให้สินเชื่อ

หนึ่งในกลยุทธ์หลักของบริษัทคือการขยายเครือข่ายสาขาในพื้นที่ต่างจังหวัดซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จำนวนสาขาของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 258 สาขาในปี 2554 เป็น 1,896 สาขา ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2559 ส่งผลให้สินเชื่อของบริษัทเติบโตขึ้นจาก 2,829 ล้านบาทในปี 2554 เป็น 11,568 ล้านบาทในปี 2558 ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตโดยเฉลี่ยต่อปีเท่ากับ 42.2% สินเชื่อคงค้างของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 14,015 ล้านบาท ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2559 เพิ่มขึ้น 21.2% จากสิ้นปี 2558 ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2559 สินเชื่อคงค้างของบริษัทประกอบด้วยสินเชื่อที่มีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถกระบะเป็นหลักประกัน 48.4% สินเชื่อที่มีรถจักรยานยนต์ใช้แล้วเป็นหลักประกัน 17.6% สินเชื่อที่มีรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์เป็นหลักประกัน 11.3% สินเชื่อที่มีอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกัน 15.5% สินเชื่อที่มีที่ดินเป็นหลักประกัน 5% สินเชื่อที่มีรถจักรยานยนต์ใหม่เป็นหลักประกัน 0.2% และสินเชื่อที่มียานพาหนะอื่น ๆ เป็นหลักประกัน 2% ทั้งนี้ บริษัทมีสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์คิดเป็น 0.02% ของสินเชื่อคงค้างทั้งหมด อย่างไรก็ตาม บริษัทได้หยุดธุรกิจให้สินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่ในปี 2558

อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สินเชื่อค้างชำระมากกว่า 90 วัน) ต่อสินเชื่อรวมของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยอัตราส่วนลดลงจากระดับสูงสุดที่ 10.6% ณ สิ้นปี 2554 ซึ่งเป็นปีที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งใหญ่ มาอยู่ที่ระดับ 5.4% ณ สิ้นปี 2555 อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 5.5% และ 5.7% ณ สิ้นปี 2556 และสิ้นปี 2557 ตามลำดับ จากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมืองและสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4.9% ณ สิ้นปี 2558 และ 4.6% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2559 บริษัทใช้เกณฑ์การอนุมัติสินเชื่อบนพื้นฐานความระมัดระวังและมีอัตราส่วนการปล่อยสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกันในระดับต่ำ บริษัทมีอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่ระดับประมาณ 60% ทั้งนี้ แม้ว่าสินเชื่อของบริษัทจะเติบโตในช่วงที่ผ่านมา แต่บริษัทยังมีอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้คงอยู่ในระดับที่อ่อนแอกว่าคู่แข่ง

ผลประกอบการของบริษัทเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 26 ล้านบาทในปี 2554 เป็น 855 ล้านบาทในปี 2557 และเติบโตอีก 56.3% มาอยู่ที่ระดับ 1,336 ล้านบาทในปี 2558 อัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 1.6% ในปี 2554 เป็น 12% ในปี 2558 รายได้สุทธิในช่วงครึ่งแรกของปี 2559 เท่ากับ 855 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50.3% จากช่วงเดียวกันของปี 2558 และอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยเท่ากับ 11.1% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีแล้ว)

การเสนอขายหุ้นแก่สาธารณชนเป็นครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม 2557 ทำให้ทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 250 ล้านบาทเป็น 1,000 ล้านบาทโดยบริษัทใช้เงินจากการเพิ่มทุนเพื่อการชำระหนี้และขยายสินเชื่อ การเสนอขายหุ้นดังกล่าวทำให้ฐานทุนของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยอัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นจาก 18.7% ณ สิ้นปี 2556 เป็น 40% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 และคงที่อยู่ในระดับ 40% ณ สิ้นปี 2557 ในเดือนพฤษภาคม 2558 บริษัทได้ทำการจ่ายหุ้นปันผล ซึ่งทำให้ทุนชำระแล้วเพิ่มขึ้นเป็น 1,020 ล้านบาท ถึงแม้ว่าอัตราส่วนของผู้ถือหุ้นต่อสินทรัพย์รวมปรับลงเล็กน้อยเป็น 35% ณ สิ้นปี 2558 และ 32.6% ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2559 แต่ก็นับว่าฐานทุนของบริษัทยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเพียงพอสำหรับรองรับการขยายสินเชื่อในช่วงระยะเวลาอันใกล้ นอกจากนี้ การที่บริษัทแสดงผลกำไรอย่างสม่ำเสมอตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมายังทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ระดับ 2.1 เท่า ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2559 ทั้งนี้ บริษัทมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีระดับความเสี่ยงสูงและค่อนข้างอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงในทางลบของภาวะเศรษฐกิจ ดังนั้น นโยบายการอนุมัติเครดิตที่เข้มงวดของบริษัท ตลอดจนกระบวนการจัดเก็บหนี้ที่เพียงพอ และฐานทุนที่แข็งแกร่งจะช่วยจำกัดและดูดซับความเสี่ยงดังกล่าวลงได้

บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 จำกัด (มหาชน) (SAWAD)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com
ติดต่อ santaya@trisrating.com  โทร. 0-2231-3011 ต่อ 500 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500
? บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2559 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ