รายงานภาวะเศรษฐกิจรายวันประจำวันที่ 19 ตุลาคม 2558

ข่าวเศรษฐกิจ Monday October 19, 2015 11:16 —กระทรวงการคลัง

Macro Morning Focus ประจำวันที่ 19 ตุลาคม 2558

Summary:

1. กลุ่มธุรกิจเชื่อรถไฟเชื่อมไทย-ลาว-จีน ช่วยดันเศรษฐกิจโตเพิ่มขึ้น

2. สภาอุตฯ เชื่อมาตรการรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจปีหน้าโตร้อยละ 3.5

3. น้ำมันร่วงแรงสุดรอบ 2 เดือน

1. กลุ่มธุรกิจเชื่อรถไฟเชื่อมไทย-ลาว-จีน ช่วยดันเศรษฐกิจโตเพิ่มขึ้น
  • รองประธานหอการค้าจังหวัดหนองคายเปิดเผยว่า หากมีการเชื่อมระบบรางในโครงการรถไฟขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตรระหว่างไทย-ลาว-จีน แล้วเสร็จ จะส่งผลดีต่อจังหวัดหนองคายในการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจและด้านการเดินทางของประชาชน เนื่องจากจะสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการค้าชายแดนระหว่างไทย-ลาว ที่ประเมินว่าจะเพิ่มมูลค่าเป็น 100,000 ล้านบาทต่อปีจากในปัจจุบันมีมูลค่า 60,000 ล้านบาทต่อปี และคาดว่าอัตราการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจของไทยจะเติบโตเพิ่มขึ้น
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การเชื่อมต่อระบบรางระหว่างไทย ลาว จีน ผ่านทางจังหวัดหนองคายนับเป็น เส้นทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญ โดยการขนส่งทางรางเป็นวิธีการที่มีต้นทุนต่ำและปลอดภัย จึงทำให้มีผู้ประกอบการจำนวนมากมีแนวโน้มที่จะหันมาใช้เส้นทางดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนของจังหวัดหนองคายมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น โดยจากข้อมูลในปี 57 มูลค่าการค้าชายแดนระหว่างไทย-ลาวของจังหวัดหนองคายอยู่ที่ 60,128 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการส่งออก 58,631 ล้านบาท และการนำเข้า 1,497 ล้านบาท นับเป็นจังหวัดที่มีมูลค่าการส่งออกมากที่สุดในการค้าชายแดนกับลาว อย่างไรก็ดีในช่วง 8 เดือนแรกของปี 58 การส่งออกของด่านหนองคายหดตัวที่ร้อยละ -9.4 แต่หากมองภาพรวมการค้าชายแดนของไทยไปลาวพบว่าการส่งออกยังคงขยายตัวได้อยู่ที่ร้อยละ 3.3 นอกจากนี้หากเส้นทางระบบรางดังกล่าวแล้วเสร็จ นอกจากผลได้ เรื่องการค้ากับประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่แล้ว ยังจะได้ผลดีด้านการท่องเที่ยวอีกด้วย โดยคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะใช้เส้นทางดังกล่าวเพื่อเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น ส่งผลให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในอนาคต
2. สภาอุตฯ เชื่อมาตรการรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจปีหน้าโตร้อยละ 3.5
  • นายวัลลภ วิตนากร รองประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยว่า ได้คาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปี 59 ขยายตัวร้อยละ 3.5 จากปีนี้ คาดว่าขยายตัวที่ร้อยละ 2.5-3.0 เป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาคือ ผลกระทบภัยแล้ง และปัญหาสงครามในะวันออกกลางที่อาจบานปลาย จนส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกซึ่งการส่งออกปีหน้า คาดว่าจะดีขึ้นกว่าปีนี้แน่นอน เพราะปีนี้ฐานอยู่ในระดับต่ำ แต่ยังไม่สามารถคาดการณ์เป็นตัวเลขได้เพราะต้องดูปัจจัยเสี่ยงจากการการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและที่สำคัญผลกระทบจากข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (ทีพีพี) ที่จะเริ่มใช้ปีหน้าต้องติดตามว่าจะกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยอย่างไรบ้าง
  • สศค. วิเคราะห์ว่า จากนโยบายส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจของรัฐบาล อาทิ มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีผลตั้งแต่ปลายปี 58 ถึงกลางปี 59 และมาตรการด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อลดภาระการลงทุน คาดว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจในปี 59 มีแนวโน้มขยายตัวดีกว่าปีนี้แน่นอน อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงจากผลกระทบภัยแล้ง ที่ปริมาณน้ำไม่พอกับการปลูกข้าวในฤดูกาลเพาะปลูกข้าวนาปรังในช่วงปลายปี 58 ที่ต่อเนื่องไปจนถึงกลางปี 59 และเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แน่นอน รวมถึงผลกระทบจากข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (ทีพีพี) ที่คาดว่าจะส่งผลให้ไทยเสียเปรียบเวียดนามและสิงคโปร์ที่ร่วมลงนามในทีพีพีไปแล้ว โดยเฉพาะการส่งออก ในกลุ่มสินค้าสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า และ อิเล็กทรอนิกส์ จะได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะมีอัตราภาษีสูงที่สุด ทั้งนี้ สศค. จะมีการแถลงประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 59 ช่วงสิ้นเดือน ต.ค. 58
3. น้ำมันร่วงแรงสุดรอบ 2 เดือน
  • ราคาน้ำมันเวสท์เท็กซัสในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 1 เดือน ร่วงต่อเนื่อง 4 วันติดต่อกัน ส่งผลให้ราคาเฉลี่ยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลงกว่าร้อยละ 10 นับเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบ 10 สัปดาห์ เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในสัญญาเดือนเดียวกันปรับลดลงมากที่สุดในรอบ 8 สัปดาห์ หลังทางการสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลน้ำมันคงคลังเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 6 เดือน และ IEA ออกมาคาดการณ์ว่าสภาพตลาดน้ำมันจะมีอุปทานล้นเกินไปจนถึงปลายปีหน้า
  • สศค. วิเคราะห์ว่า การผลิตของสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณชะลอตัวอย่างต่อเนื่องจากการที่ผู้ผลิตหลายรายเริ่มประสบปัญหาทางการเงินทำให้ต้องลดกำลังการผลิตและเงินลงทุนโครงการในอนาคตลง โดยนักวิเคราะห์คาดว่าสหรัฐฯ สูญเสียตำแหน่งงานไปกว่า 2 แสนตำแหน่งและลดเงินลงทุนไปแล้วกว่า 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาน้ำมันดังกล่าว มีแนวโน้มที่จะทรงตัวอยู่ในระดับต่ำอีกเป็นเวลานาน จากสภาวะอุปทานล้นเกินของตลาดน้ำมันโลกที่ได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ที่ลดลงชั่วคราวของสหรัฐฯ จากการปิดโรงกลั่นบางแห่งและการผลิตในภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลง 2 เดือนติดต่อกัน นอกจากนี้ อุปสงค์นอกสหรัฐฯ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเกิดใหม่ก็ยังคงอ่อนแอ ขณะที่ด้านอุปทานยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มผู้ผลิตนอกสหรัฐฯ และยังมีความเป็นไปได้ที่ในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า จะมีอุปทานจากประเทศอิหร่านเพิ่มเข้าสู่ตลาดอีก สศค. คาดว่าราคาน้ำมันเฉลี่ยในปี 58 นี้มีแนวโน้มสูงที่จะต่ำกว่า 60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ในปีหน้า ราคาน้ำมันอาจมีการปรับเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเทียบกับปีนี้

ที่มา: Bureau of Macroeconomic Policy,Fiscal Policy Office, Ministry of Finance

Tel: 02-273-9020 Ext. 3257


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ