(เพิ่มเติม) ธอส. คาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ หนุนสินเชื่อใหม่ปีนี้ตามเป้าที่ 2.03 แสนลบ.

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 4, 2019 16:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) คาดว่า การปล่อยสินเชื่อใหม่ของธนาคารในปีนี้ จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 203,000 ล้านบาท ล่าสุด ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2562 ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้แล้วจำนวน 165,642 ล้านบาท คิดเป็น 78.94% ของเป้าหมายสินเชื่อปล่อยใหม่ และมั่นใจว่าธนาคารจะสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากมีแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ของรัฐบาล โดยเฉพาะมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยฯ ของ ธอส. ประชารัฐ ทำให้คนไทยมีบ้านได้จริง กรอบวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2.50% ต่อปี นาน 3 ปีแรก ซึ่งถือเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุดในตลาดขณะนี้ กรณีกู้ 1 ล้านบาท เวลา 3 ปีแรก ผ่อนชำระเพียง 3,300 บาทต่องวดเท่านั้น เทียบกับเงินงวดผ่อนชำระของอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อปกติในช่วง 3 ปีแรก วงเงินกู้ 1 ล้านบาท จะประหยัดเงินงวดได้จำนวนถึง 80,400 บาท โดยคาดว่าจะมียอดยื่นกู้ถึง 30,000 ล้านบาทได้ภายในเดือนธันวาคม 2562

"การที่รัฐบาลมีมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์จาก 2% เหลือ 0.01% และลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% ซึ่งล่าสุดประกาศกระทรวงมหาดไทยในเรื่องดังกล่าวได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับใช้เรียบร้อยแล้วไปจนถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2563 จะช่วยกระตุ้นให้ประชาชนที่อยากมีบ้านตัดสินใจได้เร็วยิ่งขึ้น เพราะค่าใช้จ่ายในด้านค่าธรรมเนียมลดลง อาทิ กรณีกู้ 3 ล้านบาทเดิมต้องชำระค่าจดทะเบียนการโอนและจดทะเบียนจำนองรวมกว่า 90,000 บาท ก็จะลดเหลือเพียง 600 บาทเท่านั้น รวมถึงแรงสนับสนุนจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่จะเร่งจัดทำโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงปลายปี ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยให้การปล่อยสินเชื่อใหม่ของธนาคารเป็นไปตามเป้าหมาย"

ขณะที่ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2562 ณ วันที่ 30 กันยายน 2562 ธนาคารปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 148,693 ล้านบาท 106,285 บัญชี แบ่งเป็นสินเชื่อปล่อยใหม่วงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางจำนวน 73,395 ราย ทำให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/2562 เทียบกับ ณ สิ้นปี 2561 ธนาคารมียอดสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,173,670 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.18% มีสินทรัพย์รวม 1,229,609 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.65% เงินฝากรวม 984,154 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.32% มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 54,451 ล้านบาท คิดเป็น 4.64% ของยอดสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้น 0.47% และมีกำไรสุทธิ 10,319 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังอยู่ที่ระดับแข็งแกร่งมากที่ 14.66% ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย

นายฉัตรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ธนาคารสามารถมาตรการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยฯ ของ ธอส. ประชารัฐ ทำให้คนไทยมีบ้านได้จริง กรอบวงเงินรวม 50,000 ล้านบาท ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำ 2.50% ต่อปี คงที่ได้นานถึง 3 ปีแรกได้ เพราะการนำเงินที่ได้จากการจำหน่ายสลากออมทรัพย์มาปล่อยสินเชื่อโดยตรงทั้งสลากรุ่นที่ 1 ชุดวิมานเมฆ หน่วยละ 1 ล้านบาท ที่มีลูกค้าให้ความสนใจจับจองเป็นเจ้าของครบทุกหน่วยที่ธนาคารเปิดจำหน่ายทั้ง 27,000 ล้านบาท เช่นเดียวกับสลากออมทรัพย์ ธอส. รุ่นที่ 2 ชุดพราวพิมาน มูลค่าหน่วยละ 10 ล้านบาท จำนวน 3,000 หน่วย รวมเป็นจำนวนเงิน 30,000 ล้านบาท ซึ่งพบว่ามีลูกค้าแสดงความสนใจเป็นจำนวนมากเช่นกัน

ทั้งนี้ ธนาคารจะเริ่มเปิดจำหน่ายสลากออมทรัพย์ ธอส. รุ่นที่ 2 ชุดพราวพิมานตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2562 - 15 มกราคม 2563 โดยคาดว่าจะสามารถจำหน่ายหมดทั้ง 30,000 ล้านบาทเช่นกัน เนื่องจากเป็นสลากที่มีจุดเด่นและแตกต่างจากสลากที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบัน ทั้งการเป็นสลากเลี่ยมทองซูเปอร์พรีเมี่ยมที่จะออกรางวัลไตรมาสละ 1 ครั้ง ครั้งละ 3 รางวัล มูลค่ารางวัลละ 3 ล้านบาท คิดเป็นโอกาสในการถูกรางวัล 0.1% และเฉพาะในเดือนกันยายน 2563 และกันยายน 2564 ยังได้สิทธิ์ลุ้นรับรางวัลพิเศษมูลค่า 100,000 บาท เพิ่มอีกจำนวนถึง 30 รางวัล/เดือน คิดเป็นโอกาสในการถูกรางวัลพิเศษสูงถึง 1% หากฝากครบ 2 ปี รับเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยหน่วยละ 240,000 บาท หรือคิดเป็น 1.2% ต่อปี เริ่มออกรางวัลครั้งแรก 17 มกราคม 2563

สำหรับในปี 2563 นายฉัตรชัย กล่าวว่า ธอส.ตั้งเป้าหมายสินเชื่อปล่อยใหม่ในปี 63 ไว้ที่ 209,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ 3% ขณะที่คาดว่าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จะลดลง 0.15% เหลือ 4.15% จากระดับ NPL ณ สิ้นปีนี้ที่ 4.3% ส่วนกำไรสุทธิในปีหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ 13,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่ากำไรสุทธิจะอยู่ที่ราว 12,000 ล้านบาท

นายฉัตรชัย กล่าวถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงไป 0.25% นั้นว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) รอบนี้ (6 พ.ย.) น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิม ส่วนในช่วงต้นปี 63 หากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้ง ก็มีโอกาสที่รอบนั้น กนง.จะพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง

"การปรับลดดอกเบี้ยลงภายในสิ้นปีนี้ เชื่อว่าจะยังไม่เกิดขึ้น นี่เป็นการคาดการณ์ส่วนตัว เพราะเหลืออีกแค่ 7 สัปดาห์ แต่ต้นปีหน้ามีโอกาสหรือไม่ หากเฟดลดดอกเบี้ยอีกรอบ มองว่าก็มีโอกาส" นายฉัตรชัย กล่าว

อย่างไรก็ดี หาก กนง.จะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่ในส่วนของ ธอส.คาดว่าดอกเบี้ยเงินกู้ที่อัตรา 2.5% ต่อปี คงที่นาน 3 ปีแรก คงจะไม่ลดลงไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว เพราะถือว่าเป็นระดับที่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในตลาด

"ดอกเบี้ยของธอส. ที่ 2.5% คงไม่ต่ำไปกว่านี้อีกแล้ว เพราะทุกวันนี้ก็ต่ำกว่าตลาดอยู่แล้ว ตลาดอยู่ที่ 3% ต่อให้ กนง.ลง แต่ ธอส.คงไม่ลดลงไปต่ำกว่า 2.5%" นายฉัตรชัย กล่าว พร้อมมองว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าจะยังอยู่ในภาวะขาลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ