ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวแคบในวันเริ่มต้นสัปดาห์สุดท้ายของเดือนก.ค. ซึ่งจะมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นมากมาย ได้แก่ การจัดการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้าซึ่งจะถึงกำหนดเส้นตายในวันศุกร์ที่ 1 ส.ค., การเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร รวมทั้งการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจำนวนมาก
ณ เวลา 18.43 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 21 จุด หรือ 0.05% สู่ระดับ 45,105 จุด
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ประกาศว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหภาพยุโรป (EU) โดยสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจาก EU ในอัตรา 15% ลดลงจากก่อนหน้านี้ที่สหรัฐขู่เรียกเก็บในอัตรา 30%
นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้ แม้ปธน.ทรัมป์พยายามกดดันนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ให้ลดอัตราดอกเบี้ย
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 96.9% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 29-30 ก.ค.
นอกจากนี้ FedWatch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนก.ย. ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนธ.ค.
บริษัทราว 30% ในดัชนี S&P 500 จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ รวมทั้งบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ได้แก่ แอปเปิ้ล อิงค์, ไมโครซอฟท์ อิงค์, เมตา แพลตฟอร์มส์ และ แอมะซอนดอทคอม อิงค์ ซึ่งอยู่ในกลุ่ม Magnificent Seven
ทั้งนี้ บริษัทมากกว่า 30% ในดัชนี S&P 500 ได้เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 2/2568 แล้ว โดยบริษัทมากกว่า 82% จากจำนวนดังกล่าวมีตัวเลขกำไรสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ค.ในวันศุกร์ที่ 1 ส.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 108,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 147,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.2% ในเดือนก.ค. จากระดับ 4.1% ในเดือนมิ.ย.